การอนุรักษ์ภูมิปัญญาเพื่อสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนในธุรกิจนวดไทย
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัย เรื่อง “การอนุรักษ์ภูมิปัญญาเพื่อสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนในธุรกิจนวดไทย” มีวัตถุประสงค์การวิจัย 1) เพื่ออนุรักษ์ภูมิปัญญาเพื่อสร้างความเข็มแข็งอย่างยั่งยืนในธุรกิจนวดไทย และ 2) เพื่อเสนอแนวทางการวางแผนและการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากวิกฤตการณ์โควิด-19 ตลอดจนปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดต่อธุรกิจนวดไทย โดยการวิจัยเป็นแบบผสมผสาน ซึ่งการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง กลุ่มที่ 1 คือ ผู้บริหาร ผู้จัดการ พนักงานของศูนย์การแพทย์แผนไทย ที่เป็นสมาชิกของสมาคมการแพทย์แผนไทย โดยใช้แบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 484 คน กลุ่มที่ 2 คือ ผู้รับบริการจากศูนย์การแพทย์แผนไทย โดยใช้แบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 453 คน และการวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้วิธีการสัมภาษณ์ผู้รับบริการการนวดไทย จำนวน 40 คน ผลการวิจัย พบว่า 1) แนวทางการอนุรักษ์ภูมิปัญญาเพื่อสร้างความเข็มแข็งอย่างยั่งยืนในธุรกิจนวดไทย สามารถแบ่งออกเป็น 5 ด้าน คือ ด้านการจัดการความรู้ : การจัดทำและพัฒนาฐานข้อมูลสื่อดิจิทัลด้วยการจัดการความรู้เพื่อการอนุรักษ์ภูมิปัญญาด้านการนวดไทย 4 ภาค เป็นการจัดเก็บองค์ความรู้อย่างเป็นระบบ รวมถึงการเผยแพร่เพื่อสืบทอดอนุรักษ์มรดกทางภูมิปัญญาโดยความร่วมมือกับท้องถิ่นและชุมชน ด้านกฎระเบียบ : สถานประกอบการธุรกิจนวดไทย จะต้องบริหารจัดการและปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อปฏิบัติด้านการควบคุมป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และดำเนินการตามรูปแบบของการบริหารจัดการ เพื่อสร้างความยั่งยืนในธุรกิจนวดไทย ด้านผลิตภัณฑ์ : ควรมีการพัฒนาหลักสูตรอบรมเกี่ยวกับการนวดไทย ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการได้หลากหลายกลุ่ม ด้านบุคลากร : ควรมีการส่งเสริมและพัฒนาผู้ปฏิบัติงาน ให้มีความรู้ที่ถูกต้องในด้านการนวดไทย และยังเป็นการสร้างมาตรฐานและสมรรถนะให้กับคนนวด ตลอดจนเป็นการพัฒนาให้มีความเชี่ยวชาญพร้อมทั้งส่งเสริมให้มีใบประกอบวิชาชีพ ด้านการส่งเสริมจากภาครัฐ : กระทรวงสาธารณสุข ควรให้การส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่มบุคลากรผู้ให้บริการนวดไทยได้รับการอบรมต่อยอดความรู้ ความชำนาญ และทักษะทางด้านการนวดให้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เพื่อพัฒนา ยกระดับ และส่งเสริมกลุ่มบุคลากรผู้ให้บริการนวดไทยให้มีมาตรฐานมากขึ้น และเหมาะสมกับการสอบใบประกอบวิชาชีพ
2) แนวทางการวางแผนและการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากวิกฤตการณ์โควิด-19 ตลอดจนปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดต่อธุรกิจนวดไทย ได้แก่ 1. สถานประกอบการธุรกิจนวดไทย จะต้องปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (COVID 2019) 2. สถานประกอบการธุรกิจนวดไทย จะต้องปฏิบัติตามเอกสารคู่มือมาตรฐานการปฏิบัติงาน (SOPs) สำหรับผู้ประกอบการนวดแผนไทย ผู้ให้บริการและผู้รับบริการ ตลอดจนต้องมีสื่อประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับข้อปฏิบัติ ข้อห้าม และข้อควรระวัง ของผู้ให้บริการและผู้รับบริการ 3. หน่วยงานควรเตรียมความพร้อมและส่งเสริมองค์ความรู้ใหม่ๆ ให้กับบุคลากร 4. ภาครัฐควรเป็นตัวกลางในการถอดบทเรียนจากสถานการณ์วิกฤตการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจนวดไทย เพื่อหาแนวทางหรือมาตรการในการดำเนินงานร่วมกับสถานประกอบการ 5. ภาครัฐควรส่งเสริมและให้การสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ตลอดจนการทบทวนนโยบายการเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในลักษณะของ Wellness-Quarantine และ 6. ภาครัฐควรส่งเสริมและสนับสนุนเนื้อหาความรู้ด้านการนวดไทยในสถาบันศึกษา ให้เป็นรายวิชาหรือหลักสูตรเฉพาะทางอย่างจริงจัง เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในด้านบุคลากรที่จะเข้ามาสู่ธุรกิจนวดไทยในอนาคต
Article Details
References
กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์แผนทางเลือก. (2559). รายงานการสาธารณสุขไทยด้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ทางเลือก 2557-2559. กระทรวงสาธารณสุข. กองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย. นนทบุรี.
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม. (2563). ยูเนสโก ประกาศรับรอง “นวดไทย” ขึ้นทะเบียน มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ประจำปี 2562. [online]. Available http://culture. go.th/culture_th/mobile_detail.php?cid=3&nid=4668 [2021, January 28].
กันย์ทิตา พรมมี. (2551). การยอมรับการนวดแผนไทยของประชาชนในเขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต : มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม.
จุฑานาฎ อ่อนฉ่ำ. (2561). การศึกษาองค์ความรู้การนวดไทย. ดุษฎีนิพนธ์หลักสูตรศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยรังสิต.
ฐิติยา เนตรวงษ์. (2563). การใช้แหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นฐานที่ส่งผลต่อการจัดการความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้วยไอซีทีของนักศึกษาหลักสูตรเทคโนโลยีสารสนเทศ. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา. 15(1) หน้า 40-47.
วนิดา โนรา. (2561). การพัฒนาสื่อดิจิทัลเรื่องการสอนนวดแผนไทยของสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตเชียงใหม่. วารสารวิจัยราชภัฏเชียงใหม่. 19(1). หน้า 15-25.
วิไลรัตน์ พิเชฐวีรชัย. (2561). การเลือกใช้กลยุทธ์ส่วนประสมของการตลาดบริการในธุรกิจนวดแผนไทยจากทัศนคติของผู้บริโภคชาวไทย. วารสารวิทยาลัยดุสิตธานี. 12(3). หน้า 219-246.
Brown, C. S. (2014). Language and literacy development in the early years: Foundational skills that support emergent readers. Language and Literacy Spectrum, 24, 35-49.
Bucata, G., & Rizescu, A. M. (2017). The role of communication in enhancing work effectiveness of an organization. Land Forces Academy Review, 22(1), 49.
Kirsch, I., Sands, A. M., Robbins, S. B., Goodman, M. J., & Tannenbaum, R. J. (2021). Buttressing the Middle: A Case for Reskilling and Upskilling America's Middle-Skill Workers in the 21st Century. Policy Report. ETS Center for Research on Human Capital and Education.
VOICE (2015). แพทย์แผนไทย : โอกาสของธุรกิจที่โลกยอมรับ. [online]. Available https://www.voicetv.co.th/read/156336. [2020, July 10]