การพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการและผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน เรื่องโครงสร้างของพืช โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา ในรายวิชาชีววิทยา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5

Main Article Content

กฤษฎา สีจันดี
ณัฐพงศ์ วงษ์ชุ่ม
ศิวพร หอมหวล
ประวีรณ์ สุพรรณอ่วม
ปริญญา มูลสิน
พักพล มุ่งลือ
ศศิธร ธงชัย
จาตุรงค์ จงจีน
ประพันธ์ ไตรยสุทธิ์

บทคัดย่อ

     การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษากับการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ เรื่องโครงสร้างของพืช ก่อนเรียนและหลังการจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องโครงสร้างของพืช ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวารินชําราบ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567จำนวน 32 คน ที่ได้มาโดยการสุ่มแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษาจำนวน 6 แผน โดยมีค่าดัชนีความสอดคล้องของข้อคำถามกับวัตถุประสงค์อยู่ระหว่าง 0.80-1.00 2) แบบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ก่อนเรียนและหลังการจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา ข้อสอบแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ โดยมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.87 และมีค่าความยากเท่ากับ 0.05-0.75 ค่าอำนาจจำแนกเท่ากับ 0.29-0.57 3) แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียนและหลังการจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา ข้อสอบแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ โดยมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.93 และมีค่าความยากเท่ากับ 0.36-0.70 ค่าอำนาจจำแนกเท่ากับ 0.29-0.71 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา โดยมีค่าดัชนีความสอดคล้องของข้อคำถามกับวัตถุประสงค์อยู่ระหว่าง 0.80-1.00 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบค่า “ที”
     ผลการวิจัยพบว่า 1) การจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษากับการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ เรื่องโครงสร้างของพืช มีประสิทธิภาพเท่ากับ 87.75/86.88 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 2) ผลการเปรียบเทียบทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ เรื่องโครงสร้างของพืช ก่อนเรียนและหลังการจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา พบว่า นักเรียนมีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ.05 โดยมีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนและหลังเรียนเท่ากับ 11.31 และ 23.44  3) ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องโครงสร้างของพืช ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ.05 โดยมีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนและหลังเรียนเท่ากับ 11.97 และ 25.56 4) ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.64 โดยรวมอยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด

Article Details

ประเภทบทความ
บทความ

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์

(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ:

โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทยจำกัด.

กนิษฐา ภูดวงจิตร. (2564). การพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับเทคนิค POE

เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ เรื่อง การเคลื่อนที่และแรง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. วารสารเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา, 18(4), 113–128.

ธัญญารัตน์ รัตนหิรัญ. (2562). การจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์และความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการนิเทศ มหาวิทยาลัยศิลปากร.

บุญชม ศรีสะอาด. (2556). การวิจัยเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่ 9). กรุงเทพฯ: บริษัท สุวีริยาสาส์น จำกัด.

ปาริชาติ ประเสริฐสังข์. (2561). แนวโน้มการสอนคณิตศาสตร์ในศตวรรษที่ 21. ขอนแก่น: คลังนานาวิทยา.

พรรณวิไล ชมชิด. (2560). พฤติกรรมการสอนวิทยาศาสตร์. มหาสารคาม: ตักสิลาการพิมพ์.

โรงเรียนวารินชำราบ. (2566). รายการประเมินตนเอง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรียนวารินชำราบ

จังหวัดอุบลราชธานี.

วรรณภา อ่างทอง, บังอร แถวโนนงิ้ว, และ ประสาท เนืองเฉลิม. (2563). การพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานตามแนวทางสะเต็มศึกษา. วารสารครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, 14(1), 91–103.

ศิริวรรณ ฉัตรมณีรุ่งเจริญ, และ ฮานิสา วาฮะ. (2567). การพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยการจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา. วารสารวิชาการศึกษาศาสตร์ ศรีนครินทรวิโรฒ, 25(1), 135–154.

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2557). การจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา. กรุงเทพฯ: สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2556). คู่มือการใช้หลักสูตรวิทยาศาสตร์สำหรับอนาคต

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ สกสค.

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560–2579. กรุงเทพฯ: พริกหวานฐา กราฟิก.

สุวิมล ว่องวาณิช. (2560). การวิจัยทางการศึกษา: แนวคิดและกระบวนการ. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

อัจฉรา เปรมปรีดา. (2558). ผลของการใช้เกมและการสอนแบบวัฏจักรการเรียนรู้ 5 ขั้น (5Es) ประกอบการเรียน การสอนวิทยาศาสตร์ในสังคมพหุวัฒนธรรมที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์และเจตคติด้านพหุวัฒนธรรม เรื่องระบบร่างกายมนุษย์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.

Bloom, B. S. (1982). Human characteristics and school learning. New York, NY: McGraw-Hill.

Campbell, D. T., & Stanley, J. C. (1963). Empirical and quasi-experimental design for research. Houghton Mifflin Company.

Jitraksil, W., Pansuppawat, T., & Choosup, N. (2018). Development of the science process skills using learning management of STEM Education entitled “Force, Motion, and Energy” science substance group, Mathayom Suksa 1. Journal of Curriculum and Instruction Sakon Nakhon University, 10(27), 87–97.

Phornphisutthimas, S. (2008). The development of scientific process skills in students through inquiry-based learning. Journal of Science and Mathematics Education, 2(1), 45-60.