การสื่อสารผ่านความสัมพันธ์ระหว่างตัวบทจากการแต่งหน้าของร่างทรงในพิธีกรรมรำแม่สะเอง

การสื่อสารผ่านความสัมพันธ์ระหว่างตัวบทจากการแต่งหน้าของร่างทรงในพิธีกรรมรำแม่สะเอง

ผู้แต่ง

  • กฤษณ์ คำนนท์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ

คำสำคัญ:

การสื่อสาร, ความสัมพันธ์ระหว่างตัวบท, การแต่งหน้า, ร่างทรง, รำแม่สะเอง

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างตัวบทจากการแต่งหน้าของร่างทรงในพิธีกรรมรำแม่สะเอง และเพื่อศึกษาลักษณะการใช้รหัสแต่งหน้าของร่างทรงในพิธีกรรมรำแม่สะเอง บ้านโพนปลัด ตำบลสุขสวัสดิ์ อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ ใช้ระเบียบวิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ ด้วยสังเกตการณ์แบบมีส่วนร่วม ในลักษณะการสังเกตแบบมีส่วนร่วมในฐานะผู้สังเกต (Participant as-observation) เกี่ยวกับลักษณะการแต่งหน้าของร่างทรงในพิธีกรรมรำแม่สะเอง และใช้การสัมภาษณ์เจาะลึก จากผู้เชี่ยวชาญที่เป็นบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมรำแม่สะเอง ผลการศึกษาพบว่า การแต่งหน้าของผู้เข้าทรงแม่สะเองในพิธีกรรมรำแม่สะเอง ได้ปรากฏให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวบท (transtextuality) 2 ลักษณะ คือ 1. การเชื่อมโยงตัวบท (Intertaxtuality) ในลักษณะของการยืมหรือสำเนาตัวบทอื่นๆ (plagiarism) มาจากภาพของกับ “พระยาแถน” “ผีฟ้า” หรือ “เทวดา” 2. การเป็น “ทุติยบท” (hypertext) โดยการแต่งหน้าเป็นสื่อ (Media) ที่เกิดจากการเลียบแบบ (Imitation) จากการปะติดปะต่อมาจากภาพต้นแบบ (Model) ของกับ “พระยาแถน” “ผีฟ้า” หรือ “เทวดา ซึ่งทำหน้าที่ขยายตัวบทดั้งเติม คือ ใบหน้าของผู้เข้าทรงที่มีฐานะเป็นตัวสื่อ (Medium) หรือเรียกว่า ปฐมบท (hypotext) ทั้งนี้พบว่า การแต่งหน้าของผู้เข้าทรงแม่สะเองได้ใช้รหัสการแต่งหน้า (Makeup code) คือ การแต่งหน้าตามลักษณะบทบาทเฉพาะ (Character Makeup) โดยการแต่งหน้าเกิดจากความคิด ความเชื่อ ความรู้สึกนึกคิด ผนวกรวมเข้ากับจินตนาการ จนเกิดเป็นภาพนิมิต (Simulacrum) ที่กลายเป็นความจริงเชิงสมมุติ (Hyperreality) ที่เป็นความจริงในแบบของตนเอง ส่งผลให้เข้าใจอัตตของการสื่อสาร (meta communication) คือ “การบำบัดและเยียวยาจิตใจ”

เอกสารอ้างอิง

กนกวรรณ ระลึก. (2542). การฟ้อนสะเอิงของชาวไทยกูย. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยรามคำแหง.

กาญจนา แก้วเทพ. (2541). การวิเคราะห์สื่อ: แนวคิดและเทคนิค. กรุงเทพฯ : ภาควิชาสื่อสารมวลชน

คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

กลิ่น คงเหมือนเพชร. (2555). วรรณกรรมประเพณี และพิธีกรรม: สารัตถะและการสืบทอด. กรุงเทพฯ : สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา.

เจริญพงศ์ ศรีสกุล. (2550). การออกแบบเนื้อหาส่วนควบและส่วนขยายในสื่อดีวีดีภาพยนตร์. วิทยานิพนธ์ปริญญานิเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการสื่อสารมวลชน คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ธีรารัตน์ ลีลาเลิศสุระกุล. (2558). ที่มาของการแสดงพื้นบ้านอีสานชุด เซิ้งโปง. กาฬสินธุ์: วิทยาลัยนาฏ

ศิลปะกาฬสินธุ์.

พนาสินธุ์ ศรีวิเศษ. (2562). ดนตรีประกอบพิธีกรรมสะเองของกลุ่มชาติพันธุ์กูยในเขตอีสานตอนใต้. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์. 11(1), 83-98.

วริยา นาคจิรังกูร. (2541). การวิเคราะห์ภาพถ่ายบุคคลเชิงตรรกะการบริโภคของโบดริยาร์ด. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

วีระ สุดสังข์. (2542). การเล่นสะเองของชาวกูยศรีสะเกษ. วารสารเมืองโบราณ. 26(1), 105-108.

วุฒินันท์ สุนทรขจิต. (2551). ร้านอาหารญี่ปุ่นสมัยใหม่: พื้นที่การสื่อสารความหมายอัตลักษณ์และความเป็นญี่ปุ่น. วิทยานิพนธ์วารสารศาสตรมหาบัณฑิต สาขาสื่อสารมวลชน คณะวารสารศาสตร์

และสื่อสารมวลชน. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

ศิริรัตน์ ไชยศิวามงคล และคณะ. (2565). แม่สะเอง: ความสัมพันธ์ของพิธีกรรม ความเชื่อ และนาฏกรรม. วารสารสถาบันวิจัยพิมลธรรม. 9(2), 191-205.

Fiske, J. (1990). Introduction to Communication Studies. London and New York: Routledge.

McLuhan, M. (1964). Understanding media: The extensions of man. New York: McGraw-Hill.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

03-05-2025

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย

หมวดหมู่