วารสารวิชาการบัณฑิตศึกษา
https://so13.tci-thaijo.org/index.php/ajgs
<p>วารสารบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ มีนโยบายในการส่งเสริม รวบรวมและเผยแพร่บทความวิชาการ บทความวิจัยและนวัตกรรมของนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา คณาจารย์ บุคลากร นักวิชาการตลอดจนผู้สนใจทั้งภายในและภายนอกสำหรับการพัฒนาองค์ความรู้ให้กับชุมชนและสังคม โดยมุ่งเน้นการเผยแพร่บทความวิชาการ บทความวิจัยและนวัตกรรมทางด้านสังคมศาสตร์และด้านการศึกษา กำหนดการตีพิมพ์ปีละ 3 ฉบับ ออกราย 6 เดือนคือ เล่มที่ 1 มกราคม-มิถุนายน และเล่มที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม โดยรูปแบบผลงานที่วารสารจะรับพิจารณามี 2 ประเภทคือบทความวิชาการและบทความวิจัย ซึ่งจะต้องได้รับการตรวจสอบทางวิชาการ(Peer Review) โดยมีผู้พิจารณา 3 คน ทั้งภายในและภายนอกสถาบัน จากหลากหลายสถาบัน เพื่อให้วารสารมีคุณภาพในระดับมาตรฐานสากล และนำไปอ้างอิงได้ ผลงานที่ส่งมาตีพิมพ์ จะต้องมีสาระ งานทบทวนความรู้เดิมและเสนอความรู้ ใหม่ที่ทันสมัยรวมทั้งข้อคิดเห็นที่เกิดประโยชน์ต่อผู้อ่าน ผลงานจะต้องไม่เคยถูกนำไปตีพิมพ์เผยแพร่ใน วารสารอื่นใดมาก่อน และไม่ได้อยู่ในระหว่างการพิจารณาลงวารสารใดๆ</p> <p><strong>ขอบเขตเนื้อหาของบทความ</strong></p> <p>การบริหารการศึกษา วิทยาการจัดการเรียนรู้ การศึกษาปฐมวัย การประถมศึกษา หลักสูตรและการสอน วิทยาศาสตร์ศึกษา จิตวิทยาการศึกษา สังคมศึกษา การวิจัยและประเมินผลทางการศึกษา พลศึกษาและสุขศึกษา เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการศึกษา อุตสาหกรรมศึกษา การศึกษาพิเศษและสาขาวิชาอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับด้านการศึกษา</p> <p><strong>กำหนดการตีพิมพ์เผยแพร่</strong></p> <p>ฉบับที่ 1 (มกราคม-เมษายน) <br />ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม)<br />ฉบับที่ 3 (กันยายน-ธันวาคม)</p> <p><strong>กระบวนการรีวิว</strong></p> <p>บทความวิชาการและบทความวิจัยที่จะนำมา ตีพิมพ์ในวานสารบัณฑิตศึกษา จะต้องได้รับการตรวจสอบทางวิชาการ จากผู้ทรงคุณวุฒิ( Peer review) จำนวน 3 ท่าน ทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย ที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับบทความนั้นๆ บทความที่นำมาตีพิมพ์ในแต่ละฉบับ ทั้งนี้กองบรรณาธิการจะดำเนินการตรวจสอบการคัดลอกบทความ (Plagiarism) เป็นขั้นตอนแรก แล้วจึงจัดให้มีกรรมการภายนอกร่วมกลั่นกรอง (Peer Review) และประเมินบทความตามเกณฑ์และแบบฟอร์มที่กำหนด ในลักษณะเป็น Double-blind peer review คือปกปิดรายชื่อทั้งผู้ประเมินและผู้เขียนบทความ โดยบทความงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ต้องได้รับการประเมินความเห็นชอบจากผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาที่เกี่ยวข้อง อย่างน้อย 3 ท่าน</p> <p style="box-sizing: border-box; line-height: 1.785rem; margin: 1.43rem 0px; color: rgba(0, 0, 0, 0.87); font-family: 'Noto Serif', -apple-system, BlinkMacSystemFont, 'Segoe UI', Roboto, Oxygen-Sans, Ubuntu, Cantarell, 'Helvetica Neue', sans-serif; font-size: 14px; font-style: normal; font-variant-ligatures: normal; font-variant-caps: normal; font-weight: 400; letter-spacing: normal; orphans: 2; text-align: start; text-indent: 0px; text-transform: none; widows: 2; word-spacing: 0px; -webkit-text-stroke-width: 0px; white-space: normal; background-color: #ffffff; text-decoration-thickness: initial; text-decoration-style: initial; text-decoration-color: initial;"><strong style="box-sizing: border-box; font-weight: bolder;">ประเภทของบทควา</strong>ม แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ บทความวิจัย และบทความวิชาการ<br style="box-sizing: border-box;" />รับตีพิมพ์บทความ ทั้ง บทความภาษาไทย และบทความภาษาอังกฤษ</p> <p style="box-sizing: border-box; line-height: 1.785rem; margin: 1.43rem 0px; color: rgba(0, 0, 0, 0.87); font-family: 'Noto Serif', -apple-system, BlinkMacSystemFont, 'Segoe UI', Roboto, Oxygen-Sans, Ubuntu, Cantarell, 'Helvetica Neue', sans-serif; font-size: 14px; font-style: normal; font-variant-ligatures: normal; font-variant-caps: normal; font-weight: 400; letter-spacing: normal; orphans: 2; text-align: start; text-indent: 0px; text-transform: none; widows: 2; word-spacing: 0px; -webkit-text-stroke-width: 0px; white-space: normal; background-color: #ffffff; text-decoration-thickness: initial; text-decoration-style: initial; text-decoration-color: initial;"><strong style="box-sizing: border-box; font-weight: bolder;">เงื่อนไขการตีพิมพ์บทความ</strong><br style="box-sizing: border-box;" />บทความแต่ละบทความจะได้รับพิจารณาจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตรวจสอบบทความ (Peer Reviewer) จากผู้ทรงคุณวุฒิอย่างน้อยสามท่าน โดยบทความผู้นิพนธ์ภายนอกได้รับการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิภายในและผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกคนละหนึ่งท่าน หรือผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกอย่างน้อยสองท่าน ส่วนบทความผู้นิพนธ์ภายในได้รับการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกหน่วยงานที่จัดทำวารสาร มีความเชี่ยวชาญตรงตามสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องจากหลากหลายสถาบัน และได้รับความเห็นชอบจากกองบรรณาธิการก่อนตีพิมพ์ ทั้งนี้จะมีรูปแบบที่ผู้พิจารณาบทความไม่ทราบชื่อผู้นิพนธ์บทความและผู้นิพนธ์บทความไม่ทราบชื่อผู้พิจารณาบทความเช่นเดียวกัน (Double-Blind Peer Review) และทางกองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่พิจารณาบทความจนกว่าจะได้แก้ไขให้ถูกต้องตามข้อกำหนดของวารสาร ทั้งนี้ บทความต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์จะต้องไม่เคยตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารหรือสิ่งพิมพ์ใดมาก่อน และไม่อยู่ในระหว่างพิจารณาเสนอขอตีพิมพ์ในวารสารหรือสิ่งพิมพ์อื่น ๆ หากมีการใช้ภาพหรือตารางของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้งแสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อกองบรรณาธิการก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์ สำหรับทัศนะและข้อคิดเห็นของบทความในวารสารฉบับนี้ เป็นของผู้นิพนธ์แต่ละท่าน ไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ</p> <p style="box-sizing: border-box; line-height: 1.785rem; margin: 1.43rem 0px 0px; color: rgba(0, 0, 0, 0.87); font-family: 'Noto Serif', -apple-system, BlinkMacSystemFont, 'Segoe UI', Roboto, Oxygen-Sans, Ubuntu, Cantarell, 'Helvetica Neue', sans-serif; font-size: 14px; font-style: normal; font-variant-ligatures: normal; font-variant-caps: normal; font-weight: 400; letter-spacing: normal; orphans: 2; text-align: start; text-indent: 0px; text-transform: none; widows: 2; word-spacing: 0px; -webkit-text-stroke-width: 0px; white-space: normal; background-color: #ffffff; text-decoration-thickness: initial; text-decoration-style: initial; text-decoration-color: initial;">ทั้งนี้ วารสารราชภัฏสุรินทร์วิชาการ <strong style="box-sizing: border-box; font-weight: bolder;">ไม่มีค่าธรรมเนียมในการตีพิมพ์ </strong></p> <p> </p>
โครงการบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์
th-TH
วารสารวิชาการบัณฑิตศึกษา
-
การพัฒนาทักษะการเขียนภาพจิตรกรรมไทยพื้นฐานด้วยแบบฝึกทักษะการเขียนโครงสร้างภาพสัตว์หิมพานต์ ในรายวิชาจิตรกรรมไทยพื้นฐาน รหัสวิชา 20301-2003 ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ปีที่ 1 สาขาวิชาวิจิตรศิลป์ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย
https://so13.tci-thaijo.org/index.php/ajgs/article/view/692
<p>การวิจัยเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) หาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการเขียนโครงสร้างภาพสัตว์หิมพานต์ ในรายวิชาจิตรกรรมไทยพื้นฐาน รหัสวิชา 20301-2003 ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ปีที่ 1 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน และหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการเขียนโครงสร้างภาพสัตว์หิมพานต์ ในรายวิชาจิตรกรรมไทยพื้นฐาน รหัสวิชา 20301-2003 และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะการเขียนโครงสร้างภาพสัตว์หิมพานต์ ในรายวิชาจิตรกรรมไทยพื้นฐาน รหัสวิชา 20301-2003 การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) เพื่อแก้ไขปัญหาผู้เรียนขาดทักษะการเขียนโครงสร้างภาพสัตว์หิมพานต์ ในรายวิชาจิตรกรรมไทยพื้นฐาน รหัสวิชา 20301-2003 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ นักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ปีที่ 1 สาขาวิชาวิจิตรศิลป์ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย จำนวน 1 ห้อง รวมจำนวน 18 คน โดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ สถิติเชิงพรรณาประกอบด้วย ค่าเฉลี่ย () ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) และทดสอบสมมติฐานด้วยค่าที (t-test)</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า 1) แบบฝึกทักษะการเขียนโครงสร้างภาพสัตว์หิมพานต์ ในรายวิชาจิตรกรรมไทยพื้นฐาน รหัสวิชา 20301-2003 ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ปีที่ 1 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด 80.25/88.20 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 3) ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะการเขียนโครงสร้างภาพสัตว์หิมพานต์ ในรายวิชาจิตรกรรมไทยพื้นฐาน รหัสวิชา 20301-2003 พบว่า ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (=4.88)</p>
กำพล ตรงเมธี
Copyright (c) 2024 วารสารวิชาการบัณฑิตศึกษา
2024-08-31
2024-08-31
2 2
-
ปัจจัยที่ส่งผลต่อเจตคติต่อการเรียนวิชาภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 อำเภอบ้านด่าน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 1
https://so13.tci-thaijo.org/index.php/ajgs/article/view/700
<p> การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านต่าง ๆ กับเจตคติต่อ<br>การเรียนวิชาภาษาไทย 2) เพื่อศึกษาสหสัมพันธ์พหุคูณปัจจัยด้านต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อเจตคติต่อการเรียนวิชาภาษาไทย และ 3) เพื่อสร้างสมการพยากรณ์ปัจจัยที่ส่งผลต่อเจตคติการเรียนภาษาไทย กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2566 อำเภอบ้านด่าน จำนวน 239 คน เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และ<br>การวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า 1) ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านต่าง ๆ มีความสัมพันธ์ทางบวกกับเจตคติต่อการเรียนวิชาภาษาไทยอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) ปัจจัยที่ส่งผลต่อเจตคติต่อการเรียนวิชาภาษาไทย มี <br>3 ปัจจัย ที่ส่งผลต่อเจตคติต่อการเรียนวิชาภาษาไทยอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์พหุคูณเท่ากับ .753 และร่วมอธิบายความแปรปรวนของเจตคติต่อการเรียนภาษาไทย (R<sup>2</sup>) ได้ร้อยละ 56.70 และ 3) สมการพยากรณ์เจตคติต่อการเรียนภาษาไทยเขียนสมการพยากรณ์ในรูปคะแนนดิบ และคะแนนมาตรฐาน ดังนี้</p> <p> สมการในรูปคะแนนดิบ</p> <p> Y´ = .524 + .410X<sub>5</sub> + .232X<sub>1</sub> + .158X<sub>3</sub></p> <p> สมการในรูปคะแนนมาตรฐาน</p> <p> Z´<sub>Y</sub> = .447Z<sub>X5</sub> + .249Z<sub>X1</sub> + .166Z<sub>X3</sub></p>
Chonnikan Sawangpol
Copyright (c) 2024 วารสารวิชาการบัณฑิตศึกษา
2024-09-05
2024-09-05
2 2