ปัจจัยที่มีผลต่อความพร้อมในการจัดทำผลงานวิชาการเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง สูงขึ้นของข้าราชการในสังกัดโรงพยาบาลพิจิตร
คำสำคัญ:
ผลงานวิชาการ, การเลื่อนตำแหน่งทางราชการ, ความพร้อม, แรงจูงใจ, การพัฒนาตนเองบทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความพร้อม และศึกษาความสัมพันธ์ของปัจจัยที่มีผลต่อความพร้อมในการจัดทำผลงานวิชาการเพื่อเลื่อนระดับของข้าราชการในสังกัดโรงพยาบาลพิจิตร
วิธีการศึกษา: ดำเนินการศึกษากลุ่มตัวอย่างจากข้าราชการในสังกัดโรงพยาบาลพิจิตรที่มีคุณสมบัติในการเลื่อนระดับตำแหน่งทางวิชาการ จำนวน 246 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือการวิจัย เกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อการเข้าสู่กระบวนการเลื่อนให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้น และความต้องการเข้าสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นของข้าราชการในสังกัดโรงพยาบาลพิจิตร นำข้อมูลมาวิเคราะห์หาระดับของความคิดเห็น โดยใช้ค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) จากนั้นวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ของปัจจัยที่มีผลต่อความพร้อมในการจัดทำผลงานวิชาการเพื่อเลื่อนระดับของข้าราชการในสังกัดโรงพยาบาลพิจิตร พร้อมทดสอบหาความสัมพันธ์แบบถดถอยเชิงพหุคูณ (Multiple Regression Analysis) ด้วยเครื่องมือทางสถิติ
ผลการศึกษา: พบว่าปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกทั้ง 8 ด้าน มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์พหุคูณ (R) เท่ากับ 0.69 ซึ่งปัจจัยทั้งหมดสามารถอธิบายความแปรปรวนของการตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการเลื่อนขึ้นแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นของข้าราชการในสังกัดโรงพยาบาลพิจิตรได้ร้อยละ 47.9 (R2 = 0.479) ค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐานของการพยากรณ์มีค่า 0.71 ตัวแปรพยากรณ์ที่เป็นปัจจัยภายใน จำนวน 3 ตัว ได้แก่ แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์, แรงจูงใจใฝ่สัมพันธ์ และการพัฒนาตนเอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
สรุป: ปัจจัยที่มีผลต่อความพร้อมในการจัดทำผลงานวิชาการเพื่อเลื่อนระดับของข้าราชการในสังกัดโรงพยาบาลพิจิตร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ คือ ปัจจัยภายในด้านแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ แรงจูงใจใฝ่สัมพันธ์ และการพัฒนาตนเอง ส่วนปัจจัยภายในอย่างด้านเจตคติต่อวิชาชีพและ แรงจูงใจใฝ่อำนาจ รวมถึงปัจจัยภายนอกด้านหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขของกระบวนการเลื่อนตำแหน่ง นโยบายของโรงพยาบาลพิจิตร และการส่งเสริมและสนับสนุนจากผู้บังคับบัญชา ไม่มีผลต่อความพร้อมในการจัดทำผลงานวิชาการเพื่อเลื่อนระดับของข้าราชการในสังกัดโรงพยาบาลพิจิตร
เอกสารอ้างอิง
อธิพัฒน์ วรนิธิภาคย์. ปรัชญาทางสังคมศาสตร์และการวิเคราะห์ทฤษฎีลำดับขั้นของความต้องการของอับราฮัม ฮาโรลด์ มาสโลว์. วารสารวิชาการไทยวิจัยและการจัดการ. 2566;4(3):57-71.
Herzberg F, Mausner B, Snyderman BB. The motivation to work. 2nd ed. New York: John Wiley; 1959.
McClelland DC. The achieving society. New York: The Free Press; 1961.
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน. หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลงานเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ [อินเทอร์เน็ต]. นนทบุรี: สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน; 2554 [เข้าถึงเมื่อ 25 พฤษภาคม 2568]. เข้าถึงได้จาก: https://dmsic.moph.go.th/index/detail/8831.
ศิริพัสตร์ ถาอ้าย, ปิยาภรณ์ ณ เชียงใหม่. ปัจจัยที่มีผลต่อการดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นของบุคลากรสายปฏิบัติการกลุ่มวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. วารสารสังคมศาสตร์วิชาการ. 2557;17(1):31-49.
ชุมพล เลิศจันทึก, อรสา ลัดขุนทด. ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเข้าสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นของข้าราชการสายงานหลัก สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 จังหวัดนครราชสีมา [อินเทอร์เน็ต]. 2567 [เข้าถึงเมื่อ 25 พฤษภาคม 2568]. เข้าถึงได้จาก: https://odpc9.ddc.moph.go.th/DPC5/Manuscript_Factors_Affecting_the_Advancement.pdf
ณัฐธารินี ใส่ละม้าย. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการเลื่อนขึ้นแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นของข้าราชการในสังกัดกรมควบคุมโรค [การศึกษาค้นคว้าอิสระ]. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช; 2566.
ประยงค์ จำปาศรี. ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเข้าสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นของบุคลากรสายสนับสนุน มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม. วารสารสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม. 2561;5(1):101-14.
โสภนา สุดสมบูรณ์. ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการทำวิทยานิพนธ์และการศึกษาค้นคว้าอิสระของนักศึกษาหลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต (บริหารการศึกษา) [รายงานการวิจัย]. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช; 2564 [เข้าถึงเมื่อ 11 ธันวาคม 2568]. เข้าถึงได้จาก: https://ird01.stou.ac.th/researchlib/ShowDataResearch.php?AutoID=2567_040
Krejcie RV, Morgan DW. Determining sample size for research activities. Educ Psychol Meas. 1970;30(3):607-10. doi: 10.1177/001316447003000308.
Likert R. The human organization: its management and value. New York: McGraw-Hill; 1967.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 โรงพยาบาลอุตรดิตถ์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของโรงพยาบาลอุตรดิตถ์
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลอุตรดิตถ์ และคณาจารย์ท่านอื่น ในโรงพยาบาลอุตรดิตถ์ฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว




