ปัจจัยการสื่อสารที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการดำเนินงานของผู้บริหาร สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
คำสำคัญ:
การสื่อสาร, ประสิทธิผลการดำเนินงาน, การบริหารการศึกษาบทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยการสื่อสารของผู้บริหาร สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน 2) ศึกษาระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับประสิทธิผล
การดำเนินงานของผู้บริหาร สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน 3) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยการสื่อสารกับประสิทธิผลการดำเนินงานของผู้บริหาร สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และ 4) ศึกษาปัจจัยการสื่อสารที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการดำเนินงานของผู้บริหาร สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือบุคลากรในสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จำนวน 136 คน โดยใช้ตารางการประมาณขนาดกลุ่มตัวอย่างของ Krejcie & Morgan (1970) เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามที่ผ่านการตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.978 การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา สหสัมพันธ์เพียร์สัน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ
ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยการสื่อสารและประสิทธิผลการดำเนินงานของผู้บริหารโดยรวม อยู่ในระดับมาก ปัจจัยการสื่อสารมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับประสิทธิผลการดำเนินงานของผู้บริหารอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และพบว่า ปัจจัยการสื่อสารด้านผู้รับสารเป็นตัวแปรเดียวที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการดำเนินงานของผู้บริหาร สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ผลการวิจัยสะท้อนให้เห็นว่า การพัฒนาทักษะการฟัง การอ่าน และการคิดวิเคราะห์ที่ดี เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องและสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพของผู้รับสาร เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการส่งเสริมประสิทธิผลของการดำเนินงานของผู้บริหาร
Downloads
เอกสารอ้างอิง
ปัญญา จุฑารัตน์. (2566). การสื่อสารภายในองค์กรภาครัฐ: ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพการบริหาร. วารสารการบริหารการศึกษา, 22(3), 45-60.
ภาวินี ขันธศิริ. (2561). การสื่อสารภายในองค์กรภาครัฐ: ผลกระทบต่อความพึงพอใจของผู้ใต้บังคับบัญชา. วารสารการบริหารการศึกษา, 21(4), 102-115.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2565). การสำรวจปัญหาการสื่อสารภายในองค์กรภาครัฐ: กรณีศึกษาในสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. รายงานการวิจัย, 15(2), 75-88.
Bucata, G., & Rizescu, R. (2017). The impact of effective communication on organizational performance. Journal of Management Development, 36(5), 557-568.
Berlo, D. K. (1960). The process of communication: An introduction to theory and practice. Holt, Rinehart, and Winston.
Cummings, T. G., & Worley, C. G. (2020). Organization development and change. Cengage Learning.
Judge, T. A., & Piccolo, R. F. (2004). The impact of leadership on employee satisfaction: A meta-analysis of empirical studies. Journal of Applied Psychology, 89(5), 755-768.
Krejcie, R. V., & Morgan, D. W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607-610.
Koontz, H., & Weihrich, H. (2019). Essentials of management: An international perspective. McGraw-Hill Education.
Liao, Y., & Chang, Y. (2021). The role of message clarity in organizational decision making. Management Communication Quarterly, 35(1), 73-92.
O'Reilly, C., et al. (2021). Digital communication and organizational effectiveness in the public sector. Journal of Public Administration Research, 48(3), 259-275.
Schilling, M. (2020). Managing organizational resources: A framework for effective resource allocation in the public sector. Public Administration Review, 80(1), 90-102.
Shannon, C. E., & Weaver, W. (1949). The mathematical theory of communication. Urbana: niversity of Illinois Press.
Vander Elst, L. (2020). Communication in the public sector: A framework for effective organizational communication. Journal of Public Administration, 38(2), 55-70.
Verheyen, M., & Van der Loo, W. (2021). Effective communication and leadership in the public sector: A study on organizational management. Journal of Leadership and Public Administration, 42(4), 409-424.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนวัตกรรมการวิจัย

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความนี้ได้รับการเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0) ซึ่งอนุญาตให้ผู้อื่นสามารถแชร์บทความได้โดยให้เครดิตผู้เขียนและห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าหรือดัดแปลง หากต้องการใช้งานซ้ำในลักษณะอื่น ๆ หรือการเผยแพร่ซ้ำ จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากวารสาร