โฮมฮีตฮอยศรัทธามหาพุทธบูชาปราสาทผึ้ง : การสร้างสรรค์การแสดงแสง สี เสียง สื่อผสม จังหวัดสกลนคร
บทคัดย่อ
การวิจัยการสร้างสรรค์การแสดงแสง สี เสียง สื่อผสม จังหวัดสกลนคร ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์บริบททางวัฒนธรรม ความเชื่อ และมิติทางสุนทรียศาสตร์ของประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง จังหวัดสกลนคร พัฒนาแนวคิดและกระบวนการสร้างสรรค์การแสดงแสง สี เสียง สื่อผสมที่สามารถถ่ายทอดคุณค่าทางจิตวิญญาณและอัตลักษณ์ของของท้องถิ่นผ่านศิลปะการแสดงร่วมสมัย กระบวนการวิจัยเชิงคุณภาพ ผสานการศึกษาภาคสนาม การสัมภาษณ์เชิงลึก การวิเคราะห์ ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้วิจัยมีบทบาทเป็นทั้งผู้ปฏิบัติและเป็นผู้วิจัยที่วิเคราะห์ปรับใช้และตีความวัฒนธรรมผ่านการลงมือสร้างงานจริง เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและความเชื่อของประชาชนในจังหวัดสกลนคร ผ่านการประยุกต์ใช้ศิลปะการแสดงร่วมสมัยและเทคโนโลยีสื่อสมัยใหม่ ผลการสร้างสรรค์ประกอบด้วยเนื้อเรื่องหลักที่เล่าถึงตำนานปราสาทผึ้ง การบูชาพระพุทธเจ้าและวิถีชีวิตชาวอีสานโดยใช้เทคนิคแสง สี เสียง วิดีโอมัลติมีเดียและสื่อผสมเพื่อสร้างบรรยากาศและอารมณ์ร่วมให้แก่ผู้ชม สะท้อนถึงศักยภาพของการสร้างสรรค์ศิลปะร่วมสมัยเพื่อสืบสานและเผยแพร่วัฒนธรรมท้องถิ่น
ผลการวิจัยพบว่าจากการสร้างสรรค์การแสดงแสง สี เสียง สื่อผสม เรื่องโฮมฮีตฮอยศรัทธามหาพุทธบูชาปราสาทผึ้ง ทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงสาระสำคัญบริบททางวัฒนธรรมความเชื่อ และมิติทางสุนทรียศาสตร์ของประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง จังหวัดสกลนครและสัมผัสคุณค่าทางจิตวิญญาณและอัตลักษณ์ของของท้องถิ่นผ่านศิลปะการแสดงร่วมสมัยได้อย่างมีนัยยะ ทั้งยังเปิดพื้นที่ใหม่ให้กับการตีความวัฒนธรรมท้องถิ่นในบริบทร่วมสมัย โดยไม่ลดทอนความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีกรรมดั้งเดิม งานวิจัยนี้จึงสะท้อนศักยภาพของศิลปะการแสดงร่วมสมัยในการเป็นเครื่องมือเชิงวัฒนธรรมในฐานะมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของจังหวัดสกลนคร ที่เชื่อมโยงรากเหง้าท้องถิ่นกับโลกปัจจุบันผ่านกระบวนการสร้างสรรค์เชิงศิลป์
เอกสารอ้างอิง
Geertz, C. (1973). The interpretation of cultures: Selected essays. Basic Books.
คฑาวุธ มาป้อง, & คณะ. (2567). นาฏศิลป์ร่วมสมัยในการแสดงแสง สี เสียง สื่อผสม งานประเพณี “สมมาน้ำ คืนเพ็งเส็ง
ประทีป” จังหวัดร้อยเอ็ด.Journal of Roi Kaensarn Academi, 9(9), 1062–1076.
พีรพงศ์ เสนไสย. (2557). นาฏยประดิษฐ์อีสาน. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
วรเมธ ยอดบุ่น. (2562). วัฒนธรรมท้องถิ่นในกระแสอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว: พลวัตและการปรับเปลี่ยนของประเพณีแห่
ปราสาทผึ้งในยุคโลกาภิวัตน์.วารสารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ 45(2): 269-301 (2562)
วิลาสินี น้อยครบุรี. (2560). การจัดการแสดง แสง เสียง ชุด พนมรุ้งมหาเทวาลัย. วิทยานิพนธ์สาขานาฏศิลป์ไทย. บัณฑิต
วิทยาลัย: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ, & คณะ. (2553). 75 เทศกาลงานประเพณีทั่วไทยที่คนไทยต้องไปสักครั้ง. กรุงเทพฯ: บ้านผู้นำ.
ศุภวัฒน์ นามปัญญา. (2562). พัฒนาการและการประกอบสร้างขบวนแห่ปราสาทผึ้งจังหวัดสกลนคร.วารสารช่อพะยอม ปีที่
ฉบับที่ 2 (มิถุนายน – ตุลาคม)
สุรพล วิรุฬห์รักษ์. (2547). หลักการแสดงนาฏยศิลป์ปริทรรศน์. สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย.
สุลักษณ์ ศิวรักษ์. (2563). พุทธศาสนากับความหลากหลายทางวัฒนธรรมในไทย. วารสารศาสนาและวัฒนธรรม, 15(2),45-60.
โสวิทย์ บำรุงภักดิ์, & คณะ. (2566). การตีความคำสอนทางพุทธศาสนาในประเพณีการสร้างปราสาทผึ้งของชาวอีสาน.
Journal of Roi Kaensarn Academi, 1(1), 1-15.
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสกลนคร. (2567). จังหวัดสกลนคร จัดการประกวดพานบายศรี สืบสานงานประเพณีแห่
ปราสาทผึ้งฯ ประจำปี 2567. สืบค้นเมื่อ 1 พฤษภาคม 2568, จาก https://sakonnakhon.prd.go.th/th/content/category/detail/id/57/iid/332149
สำนักงานสถิติจังหวัดสกลนคร. (2566). รายงานการประเมินผล การจัดงานประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง จังหวัดสกลนคร ประจำปี
สืบค้นเมื่อ 1 พฤษภาคม 2568
การสัมภาษณ์
กนกพร นวลอึ่ง. (2566, ตุลาคม 25). นักวิชาการศึกษาสถาบันภาษาศิลปะและวัฒนธรรม. สัมภาษณ์.
พสุธา โกมลมาลย์. (2566, ตุลาคม 25). ผู้อำนวยการสถาบันภาษาศิลปะและวัฒนธรรม. สัมภาษณ์.
อัครวิทย์ ทองใบ. (2566, ตุลาคม 25). ผู้กำกับและออกแบบการแสดง. สัมภาษณ์.
เผยแพร่แล้ว
เวอร์ชัน
- 2025-10-06 (4)
- 2025-10-06 (2)
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Katawut Mapong

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความนี้ได้รับการเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0) ซึ่งอนุญาตให้ผู้อื่นสามารถแชร์บทความได้โดยให้เครดิตผู้เขียนและห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าหรือดัดแปลง หากต้องการใช้งานซ้ำในลักษณะอื่น ๆ หรือการเผยแพร่ซ้ำ จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากวารสาร