วารสารศิลปกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมศาสตร์ https://so13.tci-thaijo.org/index.php/FACS-JO <p>วารสารศิลปกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมศาสตร์ จัดทำเพื่อเผยแพร่บทความวิจัย งานสร้างสรรค์ บทความวิชาการ ในสาขาศิลปกรรม<br />วัฒนนธรรม นำเสนอความก้าวหน้าทางสุนทรียะวิชาการและนวัตกรรม ในระบบวารสารศิลปกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมศาสตร์ออนไลน์ (ThaiJO) </p> <p><strong>กำหนดเผยแพร่ 2 ฉบับต่อปี</strong></p> <p>ฉบับที่ 1 มกราคม – มิถุนายน<br />ฉบับที่ 2 กรกฎาคม – ธันวาคม</p> คณะศิลปกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม th-TH วารสารศิลปกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมศาสตร์ <p><span style="font-weight: 400;">บทความนี้ได้รับการเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0) ซึ่งอนุญาตให้ผู้อื่นสามารถแชร์บทความได้โดยให้เครดิตผู้เขียนและห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าหรือดัดแปลง หากต้องการใช้งานซ้ำในลักษณะอื่น ๆ หรือการเผยแพร่ซ้ำ จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากวารสาร</span></p> การจัดการคุณค่ามรดกศิลปะตัดกระดาษจ้างผู่เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ https://so13.tci-thaijo.org/index.php/FACS-JO/article/view/2060 <p>แม้ศิลปะตัดกระดาษจ้างผู่จะยังคงดำรงอยู่ท่ามกลางกระแสความทันสมัยและโลกาภิวัตน์ แต่การขาดระบบการจัดการอย่างเป็นระบบกลับกลายเป็นอุปสรรคต่อความเข้าใจเชิงทฤษฎีและการเติบโตในทางปฏิบัติของศิลปะแขนงนี้ เพื่อเติมเต็มช่องว่างดังกล่าว งานวิจัยสหวิทยาการฉบับนี้ซึ่งใช้ระเบียบวิธีแบบผสมผสาน ได้ศึกษาองค์ประกอบทางประวัติศาสตร์และความหมายทางวัฒนธรรมของศิลปะตัดกระดาษจ้างผู่ รวมถึงบทบาททางสังคมและเศรษฐกิจ ตลอดจนความท้าทายและโอกาสในการนำศิลปะดังกล่าวมาใช้เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่า กระดาษศิลปะจ้างผู่มีคุณค่าอย่างลึกซึ้งทั้งในเชิงวัฒนธรรมและประเพณี ซึ่งช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำตลาดของงานศิลปะนี้ อย่างไรก็ตาม การจัดการคุณค่ายังคงเผชิญกับประเด็นท้าทายหลายประการ ได้แก่ การลดลงของจารีตประเพณี ขาดการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบทางสังคม-เศรษฐกิจ และพลวัตของตลาด และมีแนวโน้มที่จะให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและความรู้ระดับโลกมากเกินไป ในอีกด้านหนึ่ง ศิลปะจ้างผู่ยังมีโอกาสในการพัฒนาที่สำคัญ ได้แก่ การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การมีส่วนร่วมของชุมชน การอนุรักษ์และจัดการมรดกทางวัฒนธรรม และการบูรณาการระหว่างศิลปะและเศรษฐกิจ อุปสรรคที่ต้องเผชิญ ได้แก่ การลดลงของช่างฝีมือดั้งเดิม งบประมาณที่ล้าสมัย ขนาดโครงการที่ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น และโครงสร้างทางเศรษฐกิจของสินค้า</p> <p>ประเด็นสำคัญในการจัดการคุณค่า ได้แก่ การตีความลวดลายของผู้บริโภค การนำไปใช้ในบริบทใหม่ ความงามตามยุคสมัย และการหลอมรวมระหว่างศิลปะดั้งเดิมจีนกับศิลปะร่วมสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านลักษณะและการออกแบบในปัจจุบัน การปรับประยุกต์เทคนิคการตัดกระดาษจีนแบบดั้งเดิมเข้ากับแนวทางศิลปะร่วมสมัย และรูปแบบลวดลายตกแต่ง งานวิจัยนี้นับเป็นการบุกเบิกการศึกษาด้านการจัดการคุณค่าของศิลปะตัดกระดาษจ้างผู่ โดยเสนอแนวคิดทั้งเชิงทฤษฎีและเชิงปฏิบัติ เพื่อการปกป้องคุณค่าของมรดกศิลปะนี้ และผลักดันให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน</p> BaoLi Cui ลิขสิทธิ์ (c) 2025 BaoLi Cui https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-10-06 2025-10-06 2568 1 1 1 การออกแบบชุดสร้างสรรค์แรงบันดาลใจจากปลาคาร์พ https://so13.tci-thaijo.org/index.php/FACS-JO/article/view/1967 <p style="font-weight: 400;">การศึกษาวิจัยเรื่อง การออกแบบชุดสร้างสรรค์แรงบันดาลใจจากปลาคาร์พ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. เพื่อศึกษาชนิด สีและลวดลายของปลาคาร์พ 2. เพื่อศึกษารูปแบบชุดสร้างสรรค์ 3. เพื่อศึกษาวัสดุ อุปกรณ์ เทคนิคการตกแต่ง และ 4. เพื่อออกแบบชุดสร้างสรรค์แรงบันดาลใจจากปลาคาร์พ สีและลวดลายปลาคาร์พ ผ่านการออกแบบชุดแฟชั่นในรูปแบบสร้างสรรค์ โดยมุ่งเน้นการใช้ สี ลวดลาย เทคนิคการย้อมผ้าบาติก และการออกแบบโครงสร้างชุดที่ไม่สามารถสวมใส่ได้จริง เพื่อแสดงออกถึงความงามในเชิงศิลปะและจินตนาการอย่างอิสระ</p> <p style="font-weight: 400;">ผู้วิจัยได้ศึกษารูปทรง สีสัน และลวดลายของปลาคาร์พ รวมถึงการเคลื่อนไหวที่อ่อนช้อยของตัวปลา นำมาวิเคราะห์และประยุกต์ใช้เป็นแนวทางในการออกแบบลวดลายสำหรับงานผ้าบาติก โดยเน้นการเลือกใช้สีที่สะท้อนความโดดเด่นของปลาคาร์พ เช่น สีแดง ทอง ส้ม และดำ ผสมผสานกับลวดลายเกล็ดปลาและเส้นสายที่แสดงถึงการเคลื่อนไหวของน้ำ เพื่อสร้างมิติของภาพและอารมณ์ผ่านพื้นผ้า โดยใช้ผ้าบาติก มาสร้างสรรค์เป็นชุดแฟชั่นในลักษณะของงานศิลปะทดลอง (Art-based Fashion) ซึ่งออกแบบให้มีลักษณะเฉพาะตัวในเรื่องของโครงสร้าง รูปทรง และความแปลกใหม่ โดยชุดดังกล่าวไม่เน้นการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน แต่มุ่งหมายให้เป็นผลงานศิลปะที่แสดงออกถึงแนวคิด ความคิดสร้างสรรค์ และอัตลักษณ์ของนักออกแบบ</p> <p style="font-weight: 400;">ผลการวิจัย พบว่า การนำแรงบันดาลใจจากธรรมชาติและวัฒนธรรมมาผสมผสานกับเทคนิคศิลปะพื้นบ้านอย่างบาติก สามารถสร้างคุณค่าใหม่ให้กับการออกแบบแฟชั่นในเชิงสร้างสรรค์ และเปิดมุมมองใหม่ในการมองแฟชั่นในฐานะงานศิลปะที่มีความลึกซึ้งและมีอิทธิพล สามารถสวมใส่ได้ในชีวิตจริง</p> ชนัญชิดา ณะสม สมพร ภูริโชติธรรม ธิติพันธ์ เอี่ยมสอาด ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ชานันจิดา นาซอม https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-10-10 2025-10-10 2568 1 89 89 การวิเคราะห์รูปแบบ ท่วงท่า ความร่วมสมัย “ระบำฉิ่ง” https://so13.tci-thaijo.org/index.php/FACS-JO/article/view/2048 <p>ระบำฉิ่ง เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพของนักศึกษาปริญญาตรีชั้นปีที่ 4 สาขานาฏศิลป์ไทยศึกษา ภาควิชานาฏดุริยางคศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีในรูปแบบนาฏศิลป์ไทยอนุรักษ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประวัติความเป็นมาวิวัฒนาการของการแสดงระบำฉิ่ง เพื่อศึกษารูปแบบและองค์ประกอบการแสดงระบำฉิ่ง เพื่ออนุรักษ์และถ่ายทอดกระบวนท่ารำ ระบำฉิ่ง และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักแสดงต่อผู้ถ่ายทอดชุดการแสดงระบำฉิ่งเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ การสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง และการสังเกตแบบมีส่วนร่วม</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า ระบำฉิ่ง เป็นการแสดงที่ปรับปรุงขึ้นใหม่ มีวิวัฒนาการมาจากการแสดงชุดระบำฉิ่งทิเบต เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปีพุทธศักราช 2524 ได้มีการนำอุปกรณ์การแสดง มาใช้ในงานนาฏลีลาน้อมเกล้าฯ วโรกาสเฉลิมฉลอง การเสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นปีที่ 36 การแสดงระบำฉิ่งได้มีการปรับปรุงโดยวิทยาลัยนาฏศิลป เพื่อแสดงในงานดนตรีไทยมัธยมศึกษาครั้งที่ 8 ณ สังคีตศาลายังคงท่ารำตามรูปแบบเดิมมีเพียงเครื่องแต่งกาย ที่ดัดแปลงเป็นสตรีสูงศักดิ์ในราชสำนักไทยสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์หรือเรียกว่า “ชุดนางใน” จากการศึกษายังพบอีกว่า ชุดการแสดงระบำฉิ่งนั้นจะรำตามจังหวะและทำนองเพลงโดยไม่มีเนื้อร้อง บรรเลงด้วยวงปี่พาทย์ไม้นวมในการบรรเลง ลักษณะพิเศษของการแสดงชุดระบำฉิ่งมีการนำท่าแม่บทและท่าเต้นของนาฏศิลป์สากล เข้ามาร่วมกับการใช้ฉิ่งเป็นอุปกรณ์การแสดงเป็นการแสดงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว</p> ผศ.ศิรดา พานิชอำนวย สุชีรา อินทโชติ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ผศ.ศิรดา พานิชอำนวย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-10-08 2025-10-08 2568 1 15 15 การจัดการห่วงโซ่คุณค่าทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของว่าวหยางเจียปู้ https://so13.tci-thaijo.org/index.php/FACS-JO/article/view/2040 <p>งานวิจัยฉบับนี้ศึกษารายละเอียดเชิงลึกเกี่ยวกับการบริหารจัดการห่วงโซ่คุณค่าในบริบทของว่าวหยางเจียปู้ เมืองเว่ยฟาง ประเทศจีน โดยมุ่งวิเคราะห์บทบาท&nbsp;ในการส่งเสริมนวัตกรรมทางวัฒนธรรมและความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ ภายใต้แนวคิดพื้นฐานที่ว่านวัตกรรมเป็นองค์ประกอบสำคัญในการอนุรักษ์หัตถกรรมพื้นบ้าน&nbsp;งานวิจัยนี้เสนอให้ใช้แนวทางการบริหารจัดการห่วงโซ่คุณค่าเพื่อยกระดับคุณภาพและกระบวนการผลิตว่าวหยางเจียปู้&nbsp;โดยใช้ระเบียบวิธีแบบผสมผสาน ซึ่งประกอบด้วย การวิเคราะห์เอกสาร การสัมภาษณ์ การสังเกตการณ์ และการวิเคราะห์เชิงเศรษฐกิจ การตลาด&nbsp;ผลการวิจัยพบว่ากระบวนการผลิตว่าวได้รับการพัฒนาให้สอดคล้องกับความต้องการสมัยใหม่ ผ่านการผสานการออกแบบเชิงนวัตกรรม ความรู้ท้องถิ่น และความเหมาะสมของวัสดุ รวมถึงการบูรณาการวัฒนธรรมท้องถิ่นเข้าไว้ในบริบททางประวัติศาสตร์และสิ่งแวดล้อมทางวัฒนธรรม&nbsp;ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบขึ้นใหม่มีคุณลักษณะด้านการตลาดที่โดดเด่นในแง่มุมของคุณค่าเชิงวัฒนธรรม ประสบการณ์ทางอารมณ์ ความคิดสร้างสรรค์ การใช้วัสดุ ความน่าสนใจ รูปลักษณ์ ศักยภาพทางการตลาด งานฝีมือ การบรรจุภัณฑ์เชิงพาณิชย์ และการใช้งานจริงผลการตอบรับจากกลุ่มผู้บริโภคพบว่าพึงพอใจต่อประสบการณ์ทางอารมณ์ ความแปลกใหม่ ความหมายเชิงสัญลักษณ์ ลักษณะเฉพาะท้องถิ่น ความเป็นไปได้ในการซื้อ งานฝีมือ รูปร่าง การใช้งานจริง และความคุ้มค่าต่อราคา&nbsp;ในเชิงเศรษฐกิจ การวิเคราะห์ระดับจุลภาคพบว่าผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาใหม่สามารถเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเฉลี่ยต่อเดือนได้ประมาณ 50.34% ราคาขายเพิ่มขึ้นประมาณ 50% และยอดขายเฉลี่ยต่อเดือนเพิ่มขึ้นประมาณ 125% แม้ว่าต้นทุนการผลิตจะเพิ่มขึ้นประมาณ 37.5% ก็ตาม</p> Susu Zhang ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Susu Zhang https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-10-08 2025-10-08 2568 1 28 28 รำกิ่งไม้เงินทอง พัฒนารูปแบบการแสดง เพื่อเทิดพระเกียรติในวาระครบรอบ 72 พรรษา สมเด็จพระปรเมนทร์รามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ์ฯ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว https://so13.tci-thaijo.org/index.php/FACS-JO/article/view/1990 <p>การแสดงชุดรำกิ่งไม้เงินทอง เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ เพื่อศึกษาประวัติความเป็นมาและวิวัฒนาการของการแสดงรำกิ่งไม้เงินทอง รูปแบบกรมศิลปากร เพื่อถวายพระพรชัยมงคลเทิดพระเกียรติสมเด็จพระปรเมนทร์-รามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ์ฯ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อวิเคราะห์รูปแบบ และองค์ประกอบการแสดงรำกิ่งไม้เงินทอง</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ผลการวิจัยพบวา รำกิ่งไม้เงินทอง พัฒนามาจากการแสดงรำเบิกโรงกิ่งไม้เงินทองของละครใน ในสมัยรัชกาลที่ 4 ดอกไม้เงินทองเป็นเครื่องราชบรรณาการจากประเทศราช เป็นการถวายความจงรักภัคดี แสดงความสวามิภักดิ์ต่อพระมหากษัตริย์ ต่อมากรมศิลปากรนำการแสดงรำกิ่งไม้เงินทอง มาพัฒนารูปแบบการแสดง เพื่อเทิดพระเกียรติในวาระครบรอบ 72 พรรษา สมเด็จพระปรเมนทร์รามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ์ฯ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พัฒนาทำนองเพลงจากเพลงกลม มาเป็นทำนองเพลงโคมเวียน คำร้อง “ไทท้าวเทพบุตรบุรุษสอง” เป็น “ไทท้าวเทพบุตรบุรุษผอง” คำร้องช่วงท้ายกล่าวถึงการเทิดพระเกียรติวาระครบรอบ 72 พรรษา จำนวนผู้แสดงจาก 2 คนเป็น 10 คน การแต่งกายยืนเครื่องพระแขนยาว มาเป็นแต่งกายยืนเครื่องพระแขนสั้น เนื่องจากผู้แสดงเป็นผู้หญิงล้วน&nbsp; แสดงให้เห็นถึงความงดงาม&nbsp; อ่อนช้อยของกระบวนท่ารำ มีการพัฒนากระบวนท่ารำให้สอดคล้องกับคำร้องและทำนองเพลง นำกระบวนท่านาฏยศัพท์ และกระบวนท่ารำแม่บทใหญ่ มาร้อยเรียงให้เกิดเป็นกระบวนท่ารำชุดรำกิ่งไม้เงินทอง มีรูปแบบการแปรแถวที่หลากหลายรูปแบบและทันสมัย มีความสวยงาม ตื่นตาน่าชมมากขึ้น</p> ณัฏฐนันท์ จันนินวงศ์ ขณิตา ภูละมูล ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ณัฏฐนันท์ จันนินวงศ์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-10-10 2025-10-10 2568 1 41 41 การแสดงโขนชุดท้าวมาลีวราชว่าความ https://so13.tci-thaijo.org/index.php/FACS-JO/article/view/1968 <p>การศึกษาโขน ชุดท้าวมาลีวราชว่าความ เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพในรูปแบบการอนุรักษ์ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาวิวัฒนาการ ลักษณะรูปแบบองค์ประกอบการของแสดงของการแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ชุดท้าวมาลีวราชว่าความ และการรับการถ่ายทอดจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อถ่ายทอดท่ารำให้แก่นักศึกษาระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 1-3 สาขานาฏศิลป์ไทยศึกษา ภาควิชานาฏดุริยางคศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้ได้รับการถ่ายทอดกระบวนท่ารำโดยใช้ทฤษฎีการพัฒนาการจัดการเรียนรู้นาฏศิลป์ไทย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ร่วมกับการสังเกตแบบมีส่วนร่วมและการสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการแสดงโขน ชุดท้าวมาลีราชว่าความ มีวิธีการดำเนินเรื่องด้วยการพากย์ เจรจา การรำตามบทร้องและรำตามเพลงหน้าพาทย์ แบบโขนโรงใน และมีฉากเปลี่ยนตามเนื้อเรื่องแบบโขนฉาก โดยใช้วงปี่พาทย์ไม้แข็งบรรเลงประกอบการแสดง ผู้แสดงแต่งกายยืนเครื่อง พระ นาง ยักษ์ และลิง มีการถ่ายทอดกระบวนท่ารำโดยใช้ทฤษฎีการจัดการเรียนรู้นาฏศิลป์ไทย ให้แก่นักศึกษาระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 1-3 สาขานาฏศิลป์ไทยศึกษา ภาควิชานาฏดุริยางคศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี พบว่าผลการถ่ายทอดกระบวนท่ารำ มีความพึงพอใจ ด้านการเตรียมความพร้อม ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.998 แปลงค่าได้อยู่ในระดับความพึงพอใจมาก และด้านการถ่ายทอด ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.115 แปลงค่าได้อยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด</p> โสฬส มงคลประเสริฐ ชลธาร มิ่งแก้ว ปิยวัฒน์ ชนะ เฟื่องลดา แสงมณี ลิขสิทธิ์ (c) 2025 โสฬส มงคลประเสริฐ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-10-10 2025-10-10 2568 1 74 74 โฮมฮีตฮอยศรัทธามหาพุทธบูชาปราสาทผึ้ง : การสร้างสรรค์การแสดงแสง สี เสียง สื่อผสม จังหวัดสกลนคร https://so13.tci-thaijo.org/index.php/FACS-JO/article/view/2133 <p> การวิจัยการสร้างสรรค์การแสดงแสง สี เสียง สื่อผสม จังหวัดสกลนคร ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์บริบททางวัฒนธรรม ความเชื่อ และมิติทางสุนทรียศาสตร์ของประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง จังหวัดสกลนคร พัฒนาแนวคิดและกระบวนการสร้างสรรค์การแสดงแสง สี เสียง สื่อผสมที่สามารถถ่ายทอดคุณค่าทางจิตวิญญาณและอัตลักษณ์ของของท้องถิ่นผ่านศิลปะการแสดงร่วมสมัย กระบวนการวิจัยเชิงคุณภาพ ผสานการศึกษาภาคสนาม การสัมภาษณ์เชิงลึก การวิเคราะห์ ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้วิจัยมีบทบาทเป็นทั้งผู้ปฏิบัติและเป็นผู้วิจัยที่วิเคราะห์ปรับใช้และตีความวัฒนธรรมผ่านการลงมือสร้างงานจริง เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและความเชื่อของประชาชนในจังหวัดสกลนคร ผ่านการประยุกต์ใช้ศิลปะการแสดงร่วมสมัยและเทคโนโลยีสื่อสมัยใหม่ ผลการสร้างสรรค์ประกอบด้วยเนื้อเรื่องหลักที่เล่าถึงตำนานปราสาทผึ้ง การบูชาพระพุทธเจ้าและวิถีชีวิตชาวอีสานโดยใช้เทคนิคแสง สี เสียง วิดีโอมัลติมีเดียและสื่อผสมเพื่อสร้างบรรยากาศและอารมณ์ร่วมให้แก่ผู้ชม สะท้อนถึงศักยภาพของการสร้างสรรค์ศิลปะร่วมสมัยเพื่อสืบสานและเผยแพร่วัฒนธรรมท้องถิ่น</p> <p> ผลการวิจัยพบว่าจากการสร้างสรรค์การแสดงแสง สี เสียง สื่อผสม เรื่องโฮมฮีตฮอยศรัทธามหาพุทธบูชาปราสาทผึ้ง ทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงสาระสำคัญบริบททางวัฒนธรรมความเชื่อ และมิติทางสุนทรียศาสตร์ของประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง จังหวัดสกลนครและสัมผัสคุณค่าทางจิตวิญญาณและอัตลักษณ์ของของท้องถิ่นผ่านศิลปะการแสดงร่วมสมัยได้อย่างมีนัยยะ ทั้งยังเปิดพื้นที่ใหม่ให้กับการตีความวัฒนธรรมท้องถิ่นในบริบทร่วมสมัย โดยไม่ลดทอนความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีกรรมดั้งเดิม งานวิจัยนี้จึงสะท้อนศักยภาพของศิลปะการแสดงร่วมสมัยในการเป็นเครื่องมือเชิงวัฒนธรรมในฐานะมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของจังหวัดสกลนคร ที่เชื่อมโยงรากเหง้าท้องถิ่นกับโลกปัจจุบันผ่านกระบวนการสร้างสรรค์เชิงศิลป์</p> Katawut Mapong รัตติยา โกมินทรชาติ วิภารัตน์ ข่วงทิพย์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Katawut Mapong https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-10-06 2025-10-06 2568 1 127 127 รูปแบบพิธีกรรมการทำขวัญนาคของนาวาโทดิเรก กล้าหาญ https://so13.tci-thaijo.org/index.php/FACS-JO/article/view/1969 <p>การวิจัยเรื่อง “รูปแบบพิธีกรรมการทำขวัญนาคของนาวาโทดิเรก กล้าหาญ” เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ เพื่อศึกษาประวัติของนาวาโทดิเรก กล้าหาญ ลักษณะและขั้นตอนพิธีกรรมการทำขวัญนาคของนาวาโทดิเรก กล้าหาญ บทร้องและดนตรีประกอบพิธีกรรมการทำขวัญนาค&nbsp; ผลการวิจัยพบว่า นาวาโทดิเรก กล้าหาญ เกิดวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2495 บ้านบางนายไกร อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี เป็นบุตรของนายเคลิ้ม กล้าหาญ และ&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;นางเล็ก กล้าหาญ ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 151/8 หมู่ 6&nbsp; ตำบลย่านยาว อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี และเป็นผู้ มีความเชี่ยวชาญในการทำขวัญนาค ขั้นตอนพิธีกรรมการทำขวัญนาค พบว่ามี 10 ขั้นตอน โดยพิธีกรรมการทำขวัญนาค จะใช้การถ่ายทอดเนื้อหา 2 รูปแบบคือ 1. ใช้การถ่ายทอดโดยการแหล่และการขับร้อง 2. ใช้การถ่ายทอดโดยการบรรยาย รูปแบบวงดนตรีที่ใช้ในการประกอบพิธีทำขวัญที่เป็นแบบแผนจะใช้เป็นวงปี่พาทย์จะเป็นวงปี่พาทย์เครื่องห้า วงปี่พาทย์เครื่องคู่ หรือวงปี่พาทย์เครื่องใหญ่ จะขึ้นอยู่กับกำลังทรัพย์ และฐานะของคณะเจ้าภาพว่าจะจัดหาวงดนตรีประเภทใดมาบรรเลง</p> ปราบดา ป้อมยุคล ณัฐพงศ์ จันทิมา ธาราทิพย์ ตันเที่ยง ยิ่งศักดิ์ ชุ่มเย็น นริศรา พันธุ์ธาดาพร บุญสืบ เรืองนนท์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Prabda phomyucol https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-10-10 2025-10-10 2568 1 62 62 นาฏกรรมแห่งศรัทธา: ระบำนารายณ์เจ็ดปาง https://so13.tci-thaijo.org/index.php/FACS-JO/article/view/1966 <p>ระบำนารายณ์เจ็ดปาง เป็นวิจัยเชิงคุณภาพ โดยมีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาประวัติความเป็นมาของการแสดงระบำนารายณ์เจ็ดปาง 2) เพื่อวิเคราะห์รูปแบบและองค์ประกอบการแสดงระบำนารายณ์เจ็ดปางมาประยุกต์ใช้ในการแสดง ผลการวิจัยพบว่า ระบำนารายณ์เจ็ดปาง นำบทมาจากละครดึกดำบรรพ์ เรื่องกรุงพาณชมทวีป ตอนอวตาร พระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ กล่าวถึง พระนารายณ์อวตารไปปราบกรุงพาณทำให้เหล่าเทวดานางฟ้าพากันกล่าวสรรเสริญพระนารายณ์เนื้อหาปางต่าง ๆ มีการเรียงลำดับตรงกับบทพระราชนิพนธ์ลิลิตนารายณ์สิบปาง ปรากฏหลักฐานการแสดงทั้งหมด 3 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 ปี พ.ศ. 2531 และครั้งที่ 2 ปี พ.ศ. 2538 โดยคณะละครสมัครเล่นแห่งบ้านปลายเนินในงานวันนริศฯ ใช้ชื่อชุดการแสดงว่า ระบำนารายณ์แปดปาง และครั้งที่ 3 ปรากฏในการแสดงเบิกโรงโดยโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ชุด ศึกอินทรชิต ตอน นาคบาศ พ.ศ. 2557 ผู้วิจัยเล็งเห็นถึงคุณค่าและประโยชน์ของการแสดงระบำนารายณ์เจ็ดปางที่ปรากฏในการแสดงเบิกโรงโดยโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯชุด ศึกอินทรชิต ตอน นาคบาศ นำไปสู่การอนุรักษ์ฟื้นฟูและพัฒนาการแสดงนาฏศิลป์ไทยโดยศึกษาที่มา กระบวนท่ารำ รูปแบบการแสดง การแต่งกาย การแต่งหน้า</p> ริสสวัณ อรชุน จรรยาพร เกษคำขวา จุฑาทิพวรรณ ภวังคาม ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Riswan Orachun https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-10-10 2025-10-10 2568 1 102 102 ประเพณี วัฒนธรรม และความเชื่อ กับเครื่องสักการะบูชาล้านนา ผ่านการแสดงทางด้านนาฏศิลป์ https://so13.tci-thaijo.org/index.php/FACS-JO/article/view/1979 <p>การศึกษาเรื่องประเพณี วัฒนธรรม และความเชื่อ กับเครื่องสักการะบูชาล้านนาผ่านการแสดงทางด้านนาฏศิลป์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาประเพณี วัฒนธรรม และความเชื่อในการถวายเครื่องสักการะ 2) ออกแบบและนำเสนอประเพณี วัฒนธรรม ความเชื่อ ในการถวายเครื่องสักการะ ผ่านการแสดงทางด้านนาฏศิลป์ คณะผู้วิจัยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพและการวิจัยสร้างสรรค์ โดยใช้เครื่องมือในการวิจัยประกอบด้วย การศึกษาและสำรวจข้อมูลจากเอกสารทางวิชาการ การสัมภาษณ์ สื่อสารสนเทศ การลงพื้นที่ศึกษาและสำรวจข้อมูลภาคสนาม โดยนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อหารูปแบบการสร้างสรรค์นาฏศิลป์ที่สื่อให้เห็นถึงประเพณี วัฒนธรรม และความเชื่อในการถวายเครื่องสักการะ&nbsp; เพื่อสร้างความเข้าใจและซาบซึ้งในคุณค่าวัฒนธรรมล้านนา&nbsp; ที่เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่มีศักยภาพต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า เครื่องสักการะล้านนาเป็นภาษาทางวัฒนธรรมที่สะท้อนถึงความศรัทธาทางพุทธศาสนา ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ความเคารพบูชา วัสดุที่ใช้บ่งบอกถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ผสมผสานระหว่างความเชื่อและการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นอย่างรู้คุณค่า &nbsp;รูปแบบการสร้างสรรค์ จำแนกตามหลักการออกแบบนาฏศิลป์ 8 ประการ ดังนี้ 1) การออกแบบการแสดง จะแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ได้แก่ ช่วงเครื่องสักการะล้านนา ช่วงถวายสักการะ และช่วงฉลองบุญ 2) การออกแบบเพลงและดนตรี 3) การออกแบบลีลาท่าทาง 4) การคัดเลือกนักแสดง 5) การออกแบบอุปกรณ์การแสดง 6) การออกแบบเครื่องแต่งกาย &nbsp;7) การออกแบบแสง และ 8) การออกแบบพื้นที่การแสดง&nbsp;</p> ขณิตา ภูละมูล พิสิษฐ์ บัวงาม ณัฐวุฒิ ดอนกลาง อนุสรา เทียนชัย ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ขณิตา ภูละมูล https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-10-10 2025-10-10 2568 1 51 51 การแสดงนาฏศิลป์สร้างสรรค์สื่อให้เห็นคุณค่าภูมิปัญญาท้องถิ่นของตลาดโอ๊ะป่อย https://so13.tci-thaijo.org/index.php/FACS-JO/article/view/1962 <p>บทความวิจัยเรื่องการแสดงนาฏศิลป์สร้างสรรค์สื่อให้เห็นคุณค่าภูมิปัญญาท้องถิ่นของตลาดโอ๊ะป่อย ที่ต้องการสื่อให้เห็นคุณค่าภูมิปัญญาท้องถิ่นของตลาดโอ๊ะป่อย และส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มเชิงพาณิชย์ โดยผ่านมิติการแสดง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาความเป็นมาของวิถีชีวิตและความเชื่อของชุมชนชาติพันธุ์ชาวกะเหรี่ยงตามประเพณีกินข้าวห่อและส่งเสริมการสร้างมูลค่าเชิงพาณิชย์ของชุมชนชาติพันธุ์ชาวกะเหรี่ยง 2) เพื่อค้นหารูปแบบและสร้างองค์ประกอบการแสดงนาฏศิลป์สร้างสรรค์สื่อให้เห็นถึงวิถีชีวิตและความเชื่อเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว คณะผู้วิจัยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพและการวิจัยสร้างสรรค์โดยใช้เครื่องมือในการวิจัยประกอบด้วย การศึกษาและสำรวจข้อมูลจากเอกสารทางวิชาการ การสัมภาษณ์ สื่อ สารสนเทศ แลการลงพื้นที่ศึกษาและสำรวจข้อมูลภาคสนาม และประสบการณ์ของผู้วิจัย โดยนำข้อมูลมาวิเคราะห์ เพื่อหารูปแบบการสร้างสรรค์นาฏศิลป์ที่สื่อให้เห็นถึงคุณค่าภูมิปัญญาท้องถิ่นของตลาดโอ๊ะป่อย</p> กัญชพร ตันทอง กมลวรรณ จำรอง กรองแก้ว แหลมนาค ญาดาวดี บรรจงเส้น ณัฎฐณิชา เอ้บสูงเนิน เทวกฤต พรหมรักษา ธีรวุฒิ จิตตรีขันธ์ นริศรา ศรีดาคำ ปภาวรินท์ จงฤาชา อาภัสรา นนท์แก้ว อรทัย ศรีกลาง ลิขสิทธิ์ (c) 2025 กัญชพร ตันทอง https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-10-10 2025-10-10 2568 1 การศึกษาเชิงวัฒนธรรมเกี่ยวกับหัตถกรรมการทำบุหงาของสตรีชาววัง https://so13.tci-thaijo.org/index.php/FACS-JO/article/view/1964 <p>การศึกษาเชิงวัฒนธรรมเกี่ยวกับหัตถกรรมการทำบุหงาของสตรีชาววังในบริบทการถ่ายทอดสู่นาฏกรรม มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาประวัติความเป็นมาและกรรมวิธีในการประดิษฐ์บุหงา และ 2) ออกแบบและนำเสนอวัฒนธรรมการทำบุหงาของสตรีชาววังในรูปแบบนาฏกรรม ผลการศึกษาพบว่า “บุหงา” เป็นภูมิปัญญาไทยที่สะท้อนความประณีตของสตรีในราชสำนัก โดยมีขั้นตอนการคัดเลือกและตากดอกไม้ให้แห้ง ผสมกับใบมะกรูดหรือใบเตย แล้วปรุงกลิ่นและประดิษฐ์เป็นผลิตภัณฑ์หอม กลวิธีดังกล่าวสะท้อนคุณค่าทางวัฒนธรรมที่ควรอนุรักษ์และถ่ายทอด องค์ความรู้จึงได้รับการถ่ายทอดผ่านการแสดงนาฏศิลป์ร่วมสมัยชุด “เสาวคนธ์บุหงามาลาหลวง” แบ่งออกเป็น 3 ช่วง ได้แก่ 1) นวัตวิถีสตรีชาววัง 2) ลีลาปรุงประดิษฐ์ และ 3) ภูมิปัญญาโสภามาลี โดยประยุกต์ท่ารำแม่บทผสานกับจินตนาการสร้างสรรค์ ดนตรีประกอบใช้วงปี่พาทย์ไม้นวมร่วมกับเครื่องดนตรีสากล เครื่องแต่งกายสะท้อนบริบทในสมัยรัชกาลที่ 5 และใช้อุปกรณ์แสดงที่เกี่ยวข้องกับการทำบุหงา ผลการสร้างสรรค์แสดงให้เห็นว่านาฏศิลป์สามารถเป็นสื่อกลางในการอนุรักษ์ ถ่ายทอด และต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่น เสริมสร้างความเข้าใจวัฒนธรรมไทย และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในกระบวนการเรียนรู้หรือพัฒนาเป็นการแสดงร่วมสมัยได้อย่างเหมาะสม</p> พิสิษฐ์ บัวงาม ขณิตา ภูละมูล กัญญา ตู้พิจิตร์ ปฐมฤกษ์ ทรัพย์สถิตย์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 พิสิษฐ์ บัวงาม https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-10-10 2025-10-10 2568 1 113 113 แสง พื้นที่ และการรับรู้: การเดินทางของศิลปะจากมินิมัลลิสม์สู่ไลท์แอนด์สเปซ https://so13.tci-thaijo.org/index.php/FACS-JO/article/view/2181 <p>บทความ “Minimal to Light and Space” วิเคราะห์พัฒนาการของศิลปะร่วมสมัยผ่านการเปลี่ยนผ่านจากแนวคิดมินิมัลลิสม์ (Minimalism) ซึ่งเน้นความเรียบง่าย ความเป็นวัตถุ (Objecthood) และการจัดวางในพื้นที่จริง ไปสู่ขบวนการ Light and Space ที่ให้ความสำคัญกับการรับรู้ทางประสาทสัมผัส และประสบการณ์ของผู้ชมในฐานะองค์ประกอบสำคัญของงานศิลปะ บทความนำเสนอผลงานของศิลปินสำคัญ เช่น Donald Judd, Sol LeWitt, Dan Flavin และ Fred Eversley เพื่อชี้ให้เห็นพัฒนาการของแนวคิดจาก “การลดทอนรูปทรงและสัญลักษณ์” ไปสู่ “การสร้างพื้นที่แห่งการรับรู้” โดยใช้วัสดุสมัยใหม่ เช่น วัสดุอุตสาหกรรม พลาสติก เรซิน และแสงไฟนีออน เพื่อเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างศิลปะ วัตถุ ผู้ชม และบริบททางสังคม ผลการวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่าศิลปะร่วมสมัยในบริบทนี้มิได้เป็นเพียงวัตถุที่นำเสนอให้ผู้ชมชื่นชมเท่านั้น แต่ยังเป็นกระบวนการสร้างประสบการณ์และการตั้งคำถามเชิงปรัชญาเกี่ยวกับการรับรู้ ความจริง และบทบาทของมนุษย์ในพื้นที่แห่งศิลปะ บทความนี้จึงมีคุณูปการต่อการขยายกรอบคิดทางศิลปะร่วมสมัย และเปิดพื้นที่ใหม่ในการเชื่อมโยงศิลปะกับศาสตร์อื่น ๆ เช่น สถาปัตยกรรม การออกแบบ เทคโนโลยี และปรัชญาเชิงประสบการณ์</p> prasit wichaya ลิขสิทธิ์ (c) 2025 prasit wichaya https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-11-24 2025-11-24 2568 1