การส่งบทความ

คำแนะนำผู้แต่ง

Social Science and Humanities Research Bulletin มีนโยบายในการเผยแพร่บทความวิชาการและบทความวิจัยที่มีคุณค่าต่อการพัฒนาองค์ความรู้ทางวิชาการและเป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิงวิชาการ โดยครอบคลุมเนื้อหาด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ การศึกษา ศิลปกรรม ดนตรี ภาษา วรรณกรรม การบริหารจัดการ งานประจำสู่งานวิจัย (R2R) และสาขาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง กำหนดการตีพิมพ์ปีละ 3 ฉบับ เล่ม 1 มกราคม – เมษายน เล่ม 2 พฤษภาคม – สิงหาคม และเล่ม 3 กันยายน – ธันวาคม โดยรูปแบบผลงานที่วารสารจะรับพิจารณา มี 2 ประเภท คือ บทความวิจัยและบทความวิชาการ โดยบทความที่จะได้ตีพิมพ์เผยแพร่ใน Social Science and Humanities Research Bulletin ต้องได้รับการตรวจสอบคุณภาพทางวิชาการ (Peer review) แบบ double blind review จากผู้ทรงคุณวุฒิที่มาจากหลากหลายสถาบันจำนวน 3 ท่านและกองบรรณาธิการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผลงานไม่เคยถูกนำไปตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารอื่นใดมาก่อนและไม่ได้อยู่ในระหว่างการพิจารณาลงวารสารใดๆ การเตรียมต้นฉบับที่จะมาลงตีพิมพ์ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้

การเตรียมต้นฉบับสำหรับบทความวิจัยและบทความวิชาการ

1. ภาษา เป็นภาษาไทยหรืออังกฤษก็ได้ ถ้าเป็นภาษาไทย ให้ยึดหลักการใช้คำศัพท์หรือการเขียนทับศัพท์ให้ยึดหลักของราชบัณฑิตยสถาน ถ้าเป็นภาษาอังกฤษ ควรให้ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษตรวจสอบความถูกต้องก่อนที่จะส่งต้นฉบับ
2. ต้นฉบับ เตรียมต้นฉบับตามรูปแบบที่วารสารกำหนด พิมพ์ด้วยโปรแกรมไมโครซอฟท์เวิร์ดและบันทึกไฟล์แบบ .docx รายละเอียดการเตรียมต้นฉบับผู้นิพนธ์บทความสามารถศึกษาได้จาก template ของวารสาร
3. การส่งต้นฉบับ สามารถส่งต้นฉบับแบบ online ผ่านระบบ thaijo ได้ทาง https://so13.tci-thaijo.org/ index.php/HASS

การเรียงลำดับเนื้อหา

1. บทความวิจัย

1.1 ชื่อเรื่อง (Title) ควรสั้น กะทัดรัด และสื่อเป้าหมายหลักของการศึกษาวิจัย ไม่ใช้คำย่อ ความยาวไม่ควรเกิน 100 ตัวอักษร ชื่อเรื่องต้องมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษโดยให้นำชื่อเรื่องภาษาไทยขึ้นก่อน สำหรับบทความที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษมีเฉพาะชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ

1.2 ชื่อผู้นิพนธ์และที่อยู่ให้มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (เชิงอรรถระบุหน่วยงานหรือสถาบัน ที่อยู่ และ E-mail ของผู้นิพนธ์ประสานงาน (Corresponding Author) เพื่อใช้ติดต่อเกี่ยวกับต้นฉบับและบทความที่ตีพิมพ์แล้ว) สำหรับบทความที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษมีเฉพาะชื่อผู้นิพนธ์และที่อยู่ภาษาอังกฤษ

1.3 บทคัดย่อ (Abstract) ให้มีทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ เป็นเนื้อความย่อที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย ได้สาระสำคัญที่ครบถ้วนของบทความทั้งวัตถุประสงค์ วิธีการศึกษาและผลการวิจัยที่เป็นสาระสำคัญ นำเสนอในลักษณะความเรียงต่อเนื่องกัน บทคัดย่อเขียนจบในย่อหน้าเดียวควรมีความยาวอยู่ในช่วง 150 – 300 คำ บทความที่เขียนเป็นภาษาไทยต้องมีบทคัดย่อทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยให้บทคัดย่อภาษาไทยขึ้นก่อนภาษาอังกฤษ สำหรับบทความที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษมีเฉพาะบทคัดย่อภาษาอังกฤษ

1.4 คำสำคัญ (Keywords) ให้ระบุทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ใส่ไว้ท้ายบทคัดย่อของแต่ละภาษา (3–5 คำ) สำหรับบทความที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษมีเฉพาะคำสำคัญภาษาอังกฤษ

1.5 บทนำ (Introduction) เป็นส่วนของเนื้อหาที่บอกความเป็นมาและเหตุผลนำไปสู่การศึกษาวิจัย การทบทวนวรรณกรรม การให้ข้อมูลทางวิชาการพร้อมทั้งจุดมุ่งหมายที่เกี่ยวข้องอย่างคร่าวๆ และมีวัตถุประสงค์ของการศึกษาและการวิจัยนั้นด้วย

1.6 วิธีดำเนินการวิจัย (Research methodology) ให้ระบุรายละเอียดวัสดุ อุปกรณ์ สิ่งที่นำมาศึกษา จำนวนลักษณะเฉพาะของตัวอย่างที่ศึกษา ตลอดจนเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการศึกษา อธิบายวิธีการศึกษา หรือแผนการทดลองทางสถิติ การสุ่มตัวอย่าง วิธีการเก็บข้อมูลและวิธีการวิเคราะห์ข้อมูล

1.7 ผลการวิจัย (Results) แสดงผลการวิจัยตามลำดับหัวข้อของการศึกษาวิจัย สามารถใช้ แผนภูมิ ตารางหรือภาพประกอบที่เหมาะสมเพื่อประกอบการนำเสนอผลการวิจัยได้

1.8 อภิปรายและสรุปผลการวิจัย (Discussion and conclusion) อภิปรายผลการวิจัยและสรุปสาระสำคัญทั้งหมดของงานวิจัยนี้

1.9 กิตติกรรมประกาศ (Acknowledgments) ระบุสั้นๆ ว่าได้รับการสนับสนุนทุนวิจัย และความช่วยเหลือจากองค์กรใดหรือใครบ้าง (ถ้ามี)

1.10 เอกสารอ้างอิง (References) สำหรับการพิมพ์เอกสารอ้างอิง ทั้งเอกสารอ้างอิงที่เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษใช้รูปแบบการอ้างอิงแบบ APA เรียงลำดับตามตัวอักษรโดยเริ่มจากเอกสารอ้างอิงที่เป็นภาษาไทยก่อนแล้วจึงตามด้วยเอกสารอ้างอิงที่เป็นภาษาอังกฤษ รายละเอียดการเขียนเอกสารอ้างอิงสามารถศึกษาได้จาก template ของวารสาร

- สำหรับตารางและรูปภาพต้องมีคำอธิบายสั้นๆ แต่สื่อความหมาย ได้สาระครบถ้วน ในกรณีที่เป็นตาราง คำอธิบายต้องอยู่ด้านบน ในกรณีที่เป็นรูปภาพคำอธิบายอยู่ด้านล่าง

- หัวข้อต่างๆ ในบทความผู้นิพนธ์บทความสามารถปรับได้ตามความเหมาะสมของบทความ เช่น อาจมีการเพิ่มเติมกรอบแนวคิดการวิจัย วัตถุประสงค์ กิตติกรรมประกาศ หรืออาจแยกส่วนของการอภิปรายผลและสรุปแยกออกจากกัน โดยยังคงความครบถ้วนของเนื้อหาที่ถูกต้องตามระเบียบวิธีวิจัย

- การอ้างอิงในเนื้อเรื่องให้ใช้การอ้างอิงแบบนามปีแทรกในเนื้อหา คือ การเขียนวัสดุอ้างอิงไว้ในวงเล็บแทรกอยู่ในเนื้อหาในตำแหน่งที่เหมาะสม โดยมีรูปแบบการเขียนประกอบด้วย

เอกสารอ้างอิงภาษาไทย                   (ชื่อ ชื่อสกุล, ปีที่พิมพ์)

เอกสารอ้างอิงภาษาอังกฤษ                  (ชื่อสกุล, ปีที่พิมพ์)

รายละเอียดการอ้างอิงแบบนามปีแทรกในเนื้อหาสามารถศึกษาได้จาก template ของวารสาร

2. บทความวิชาการ

สำหรับบทความวิชาการหัวข้อการนำเสนอผู้นิพนธ์สามารถกำหนดได้เองเพื่อให้เหมาะสมกับเนื้อหา โดยสามารถใช้ Template เดียวกับบทความวิจัยได้

2.1 ชื่อเรื่อง (Title) ควรสั้น กะทัดรัด และสื่อเป้าหมายหลักของการศึกษาวิจัย ไม่ใช้คำย่อ ความยาวไม่ควรเกิน 100 ตัวอักษร ชื่อเรื่องต้องมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษโดยให้นำชื่อเรื่องภาษาไทยขึ้นก่อน สำหรับบทความที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษมีเฉพาะชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ

2.2 ชื่อผู้นิพนธ์และที่อยู่ให้มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (เชิงอรรถระบุหน่วยงานหรือสถาบัน ที่อยู่ และ E-mail ของผู้นิพนธ์ประสานงาน (Corresponding Author) เพื่อใช้ติดต่อเกี่ยวกับต้นฉบับและบทความที่ตีพิมพ์แล้ว) สำหรับบทความที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษมีเฉพาะชื่อผู้นิพนธ์และที่อยู่ภาษาอังกฤษ

2.3 บทคัดย่อให้มีทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ เป็นเนื้อหาโดยย่อที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย สามารถเห็นภาพรวมของทั้งบทความ นำเสนอในลักษณะความเรียงต่อเนื่องกัน บทคัดย่อเขียนจบในย่อหน้าเดียวควรมีความยาวอยู่ในช่วง 150 – 300 คำ บทความที่เขียนเป็นภาษาไทยต้องมีบทคัดย่อทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยให้บทคัดย่อภาษาไทยขึ้นก่อนภาษาอังกฤษ สำหรับบทความที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษมีเฉพาะบทคัดย่อภาษาอังกฤษ

2.4 คำสำคัญ (Keywords) ให้ระบุทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ใส่ไว้ท้ายบทคัดย่อของแต่ละภาษา (3–5 คำ)

2.5 เนื้อหา (ผู้นิพนธ์สามารถกำหนดหัวข้อได้เองเพื่อให้เหมาะสมกับเนื้อหาที่ต้องการนำเสนอ)

2.6 บทสรุป

2.7 กิตติกรรมประกาศ (Acknowledgments) ระบุสั้นๆว่าได้รับการสนับสนุนทุนหรือความช่วยเหลือจากองค์กรใดหรือใครบ้าง (ถ้ามี)

2.8 เอกสารอ้างอิง (References) สำหรับการพิมพ์เอกสารอ้างอิง ทั้งเอกสารอ้างอิงที่เป็นภาษาไทยและภาษา อังกฤษใช้รูปแบบการอ้างอิงแบบ APA เรียงลำดับตามตัวอักษรโดยเริ่มจากเอกสารอ้างอิงที่เป็นภาษาไทยก่อนแล้วจึงตามด้วยเอกสารอ้างอิงที่เป็นภาษาอังกฤษ รายละเอียดการเขียนเอกสารอ้างอิงสามารถศึกษาได้จาก template ของวารสาร

- สำหรับตารางและรูปภาพต้องมีคำอธิบายสั้นๆ แต่สื่อความหมาย ได้สาระครบถ้วน ในกรณีที่เป็นตาราง คำอธิบายต้องอยู่ด้านบน ในกรณีที่เป็นรูปภาพคำอธิบายอยู่ด้านล่าง

- การอ้างอิงในเนื้อเรื่องให้ใช้การอ้างอิงแบบนามปีแทรกในเนื้อหา คือ การเขียนวัสดุอ้างอิงไว้ในวงเล็บแทรกอยู่ในเนื้อหาในตำแหน่งที่เหมาะสม โดยมีรูปแบบการเขียนประกอบด้วย

เอกสารอ้างอิงภาษาไทย                   (ชื่อ ชื่อสกุล, ปีที่พิมพ์)

เอกสารอ้างอิงภาษาอังกฤษ                  (ชื่อสกุล, ปีที่พิมพ์)

รายละเอียดการอ้างอิงแบบนามปีแทรกในเนื้อหาสามารถศึกษาได้จาก template ของวารสาร

-การเตรียมต้นฉบับ ผู้เขียนส่งต้นฉบับบทความในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 4 ไฟล์ ดังนี้
ไฟล์ที่ 1 เป็นไฟล์ในรูปแบบ Microsoft Word (.docx) ที่มีรายละเอียดครบตรงตามแบบฟอร์มของ Social Science and Humanities Research Bulletin 
ไฟล์ที่ 2 เป็นไฟล์ในรูปแบบ pdf ที่มีรายละเอียดครบตรงตามแบบฟอร์มของ Social Science and Humanities Research Bulletin                                                ไฟล์ที่ 3 เป็นไฟล์ในรูปแบบ Microsoft Word ที่มีรายละเอียดครบตรงตามแบบฟอร์มของ Social Science and Humanities Research Bulletin ยกเว้นชื่อผู้แต่ง หน่วยงานต้นสังกัดของผู้เขียนบทความ และกิตติกรรมประกาศ
ไฟล์ที่ 4 เป็นไฟล์ในรูปแบบ pdf ที่มีรายละเอียดครบตรงตามแบบฟอร์มของ Social Science and Humanities Research Bulletin ยกเว้นชื่อผู้แต่ง หน่วยงานต้นสังกัดของผู้เขียนบทความ และกิตติกรรมประกาศ

สามารถดาวน์โหลดรูปแบบของบทความ (Journal Template) ได้ที่นี่_template(thai)

หมายเหตุ: หากบทความใดขาดการติดต่อกับทางวารสารนานเกิน 4 เดือน (120 วัน) วารสารจะขอนำบทความดังกล่าวออกจากกระบวนการพิจารณา