การจัดการห่วงโซ่คุณค่าทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของว่าวหยางเจียปู้
คำสำคัญ:
ความสามารถในการแข่งขันของตลาด, การพัฒนาผลิตภัณฑ์, ศิลปะพื้นบ้าน, ความต้องการของผู้บริโภคบทคัดย่อ
งานวิจัยฉบับนี้ศึกษารายละเอียดเชิงลึกเกี่ยวกับการบริหารจัดการห่วงโซ่คุณค่าในบริบทของว่าวหยางเจียปู้ เมืองเว่ยฟาง ประเทศจีน โดยมุ่งวิเคราะห์บทบาท ในการส่งเสริมนวัตกรรมทางวัฒนธรรมและความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ ภายใต้แนวคิดพื้นฐานที่ว่านวัตกรรมเป็นองค์ประกอบสำคัญในการอนุรักษ์หัตถกรรมพื้นบ้าน งานวิจัยนี้เสนอให้ใช้แนวทางการบริหารจัดการห่วงโซ่คุณค่าเพื่อยกระดับคุณภาพและกระบวนการผลิตว่าวหยางเจียปู้ โดยใช้ระเบียบวิธีแบบผสมผสาน ซึ่งประกอบด้วย การวิเคราะห์เอกสาร การสัมภาษณ์ การสังเกตการณ์ และการวิเคราะห์เชิงเศรษฐกิจ การตลาด ผลการวิจัยพบว่ากระบวนการผลิตว่าวได้รับการพัฒนาให้สอดคล้องกับความต้องการสมัยใหม่ ผ่านการผสานการออกแบบเชิงนวัตกรรม ความรู้ท้องถิ่น และความเหมาะสมของวัสดุ รวมถึงการบูรณาการวัฒนธรรมท้องถิ่นเข้าไว้ในบริบททางประวัติศาสตร์และสิ่งแวดล้อมทางวัฒนธรรม ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบขึ้นใหม่มีคุณลักษณะด้านการตลาดที่โดดเด่นในแง่มุมของคุณค่าเชิงวัฒนธรรม ประสบการณ์ทางอารมณ์ ความคิดสร้างสรรค์ การใช้วัสดุ ความน่าสนใจ รูปลักษณ์ ศักยภาพทางการตลาด งานฝีมือ การบรรจุภัณฑ์เชิงพาณิชย์ และการใช้งานจริงผลการตอบรับจากกลุ่มผู้บริโภคพบว่าพึงพอใจต่อประสบการณ์ทางอารมณ์ ความแปลกใหม่ ความหมายเชิงสัญลักษณ์ ลักษณะเฉพาะท้องถิ่น ความเป็นไปได้ในการซื้อ งานฝีมือ รูปร่าง การใช้งานจริง และความคุ้มค่าต่อราคา ในเชิงเศรษฐกิจ การวิเคราะห์ระดับจุลภาคพบว่าผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาใหม่สามารถเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเฉลี่ยต่อเดือนได้ประมาณ 50.34% ราคาขายเพิ่มขึ้นประมาณ 50% และยอดขายเฉลี่ยต่อเดือนเพิ่มขึ้นประมาณ 125% แม้ว่าต้นทุนการผลิตจะเพิ่มขึ้นประมาณ 37.5% ก็ตาม
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Susu Zhang

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความนี้ได้รับการเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0) ซึ่งอนุญาตให้ผู้อื่นสามารถแชร์บทความได้โดยให้เครดิตผู้เขียนและห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าหรือดัดแปลง หากต้องการใช้งานซ้ำในลักษณะอื่น ๆ หรือการเผยแพร่ซ้ำ จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากวารสาร