การประเมินผลการพัฒนาบุคลากรด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อการบริหารงานวิชาการโดยใช้ S-MARI Model ในโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา จังหวัดลำปาง
คำสำคัญ:
การบริหารงานวิชาการ, การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ, รูปแบบการพัฒนาบุคลากรบทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารงานวิชาการในโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาในจังหวัดลำปาง และ 2) เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาบุคลากรด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารงานวิชาการ และประเมินผลการใช้รูปแบบ S–MARI Model ในการพัฒนาบุคลากรด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารงานวิชาการ ในโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ในจังหวัดลำปาง โดยศึกษาและเก็บรวบรวมข้อมูลจากประชากร ได้แก่ ผู้บริหารโรงเรียน ผู้ช่วยผู้บริหาร ครูฝ่ายวิชาการ และครูผู้สอนที่ปฏิบัติหน้าที่ในโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา จังหวัดลำปางในปีการศึกษา 2567 จำนวน 65 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลในครั้งนี้ เป็นแบบสอบถามการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารงานวิชาการในโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา ในจังหวัดลำปาง และแบบสอบถามการประเมินรูปแบบ S–MARI Model ในการพัฒนาบุคลากรด้านทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารงานวิชาการ ในโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ในจังหวัดลำปาง ผู้ศึกษาดำเนินการเก็บข้อมูลโดยใช้ Google Form นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ข้อมูล โดยหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย (µ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (s)
ผลการศึกษาสรุปได้ ดังนี้
1. การศึกษาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารงานวิชาการในโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา ในจังหวัดลำปาง ภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารงานวิชาการทั้ง 4 ด้าน ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ด้านการจัดการเรียนรู้มี รองลงมา คือ ด้านการบริหารหลักสูตร ด้านการวัดผลและประเมินผลการเรียนและงานทะเบียนนักเรียน และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ด้านการจัดสื่อการเรียนรู้ ตามลำดับ
2. การศึกษาแนวทางการพัฒนาบุคลากรด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารงานวิชาการ และประเมินผลการใช้รูปแบบ S–MARI Model ในการพัฒนาบุคลากรด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารงานวิชาการ ในโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ในจังหวัดลำปาง พบว่า ผลการพัฒนาทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารงานวิชาการ โดยใช้รูปแบบ S–MARI Model ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร. (2554). กรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ระยะ พ.ศ. 2554-2563 ของประเทศไทย. กรุงเทพฯ : กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร.
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร. (2559). แผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม. กรุงเทพฯ : กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). แผนพัฒนาการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560 - 2564). กรุงเทพฯ : สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์.
กองพุทธศาสนศึกษา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ. (2557). คู่มือปฏิบัติงานโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา. นครปฐม : โรงพิมพ์สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ.
ถนัด เดชทรัพย์. (2550). การบริหารองค์การบริหารส่วนตำบลไทยชนะศึก อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย ตามหลักธรรมาภิบาล (วิทยานิพนธ์ปริญญารัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต). อุตรดิตถ์ : มหาวิทยาลัยราชภัฎอุตรดิตถ์ .
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร, กระทรวง. (2553). แผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ฉบับที่ 2) ของประเทศไทย พ.ศ. 2552-2556. เอกสารอัดสำเนา.
นิตยา สุริน. (2562). การพัฒนาศักยภาพบุคลากรในการเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล กรณีศึกษาสำนักงานเลขานุการ คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลสำนักงานศาลยุติธรรม (การค้นคว้าอิสระปริญญารัฐประศาสนศาตรมหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
บุญชม ศรีสะอาด. (2560). การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 10. กรุงเทพ : สุวีริยาสาส์น.
พรทิพย์ ไชยพนาพันธ์. (2564). แนวทางการพัฒนาสมรรถนะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในยุคดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษาโรงเรียนขยายโอกาส สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1. Journal of Roi Kaensarn Academi. 6(9), 70-84.
รัชนก มีชูขันธ์. (2565). การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการบริหารงานวิชาการเพื่อการส่งเสริมการเรียนรู้ยุคดิจิทัลในสถานศึกษา. วารสารนวัตกรรมการบริหารและการจัดการ วิทยาลัยนวัตกรรมการจัดการ : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์. 10(2), 1-12.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารบัณฑิตศึกษาปริทรรศน์ มจร วิทยาเขตแพร่

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความนี้ได้รับการเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0) ซึ่งอนุญาตให้ผู้อื่นสามารถแชร์บทความได้โดยให้เครดิตผู้เขียนและห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าหรือดัดแปลง หากต้องการใช้งานซ้ำในลักษณะอื่น ๆ หรือการเผยแพร่ซ้ำ จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากวารสาร
