การเปรียบเทียบความต้องการการเข้าศึกษาต่อปริญวิชาสื่อสารมวลชนทางการกีฬาของนักเรียนในพื้นที่การศึกษาเขต 10

ผู้แต่ง

  • กาญจนาถ อุดมสุข คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตสมุทรสาคร
  • ศุภกาญจน์ จำเริญรักษ์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตสมุทรสาคร
  • จารุวดี แก้วมา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตสมุทรสาคร

คำสำคัญ:

ความต้องการในการศึกษาต่อ, ความคาดหวัง, การสื่อสารมวลชนทางการกีฬา

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1. เพื่อศึกษาระดับความรู้จักสาขาวิชาสื่อสารมวลชนทางการกีฬาและสถาบันที่เปิดสอน 2. เพื่อเปรียบเทียบระดับความรู้จักสาขาวิชาสื่อสารมวลชนทางการกีฬาและสถาบันที่เปิดสอน 3. เพื่อศึกษาความต้องการและความคาดหวังของนักเรียนที่มีต่อการเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี สาขาวิชาสื่อสารมวลชนทางการกีฬาในด้านการจัดการเรียนการสอน และความคาดหวังต่อแนวทางการเรียนระดับปริญญาตรี ความคาดหวังในการเรียนวิชาชีพ และคาดหวังในการประกอบอาชีพหลังสำเร็จการศึกษา เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ เครื่องมือวิจัย คือ แบบสอบถาม กลุ่มเป้าหมาย คือ นักเรียนมัธยมปลายผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 442 คนจากพื้นที่การศึกษาเขต 10 (สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์) วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการแจกแจงความถี่ ร้อยละ และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว ผลการวิจัยพบว่า เพศต่างกันไม่มีความแตกต่างในการรู้จักสาขาวิชาสื่อสารมวลชนทางการกีฬา โรงเรียนต่างกันรู้จักสาขาวิชาสื่อสารมวลชนทางการกีฬาต่างกัน โดยสมุทรสงครามรู้จักน้อยที่สุด ส่วนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นมหาวิทยาลัยที่รู้จักมากที่สุด (19.53%) ถัดมาเป็นกลุ่มมหาวิทยาลัยเอกชน (17.45%) และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (14.34%) การเรียนแบบภาคปกติเป็นสิ่งที่นักเรียนต้องการมาก (61.54%) รองมาเป็นภาคพิเศษ (5.20%) และเลือกทั้ง 2 รูปแบบ (30.32%) พบผู้เลือกเรียนแบบออนไลน์ไม่ระบุเวลาในระดับมาก ผลวิจัยด้านการศึกษาต่อนักเรียนคาดหวังให้สถาบันอุดมศึกษามีอุปกรณ์เครื่องมือ/ห้องปฏิบัติการที่ทันสมัยมากที่สุด รองลงมา คือ อาจารย์/ผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาชีพเป็นผู้ให้ความรู้และเน้นเรียนปฏิบัติ ส่วนด้านวิชาชีพ คาดหวังเรื่องการถ่ายภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว และการเรียนรู้สื่อใหม่ สื่อมัลติมีเดียและสื่อสังคมออนไลน์มากที่สุด รองมาเป็นโฆษณา ประชาสัมพันธ์ สื่อสารการตลาดบูรณาการ สื่อสารแบรนด์ โดยหลังจากสำเร็จการศึกษา มีความคาดหวังจะเป็นผู้ประกอบการสื่ออิสระมากที่สุด รองลงมาเป็นนักจัดกิจกรรมกีฬา และช่างภาพกีฬา องค์ความรู้จากการวิจัย คือ สาขาวิชาสื่อสารมวลชนทางการกีฬาต้องประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น เพิ่มภาคพิเศษให้เลือกเรียนออนไลน์ การจัดกิจกรรมโดยใช้สื่อใหม่ ปูพื้นฐานวิชาชีพสื่อแก่นักเรียน รวมถึงการเตรียมห้องปฏิบัติการที่ทันสมัย ผู้สอนที่เชี่ยวชาญ และวิชาการประกอบการด้านธุรกิจสื่อเพื่อรองรับอาชีพอิสระหลังจบการศึกษา

Downloads

Download data is not yet available.

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา. (2564). แผนยุทธศาสตร์การกีฬาแห่งประเทศไทย (พ.ศ. 2565–2570). กรุงเทพมหานคร: การกีฬาแห่งประเทศไทย.

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา. (2566). แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2566–2570). กรุงเทพมหานคร: การกีฬาแห่งประเทศไทย.

กระทรวงศึกษาธิการ. (2564). แผนปฏิบัติราชการรายปี พ.ศ. 2564 ของกระทรวงศึกษาธิการ. กระทรวงศึกษาธิการ. กรุงเทพมหานคร: สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ.

จารุวดี แก้วมา. (2567). ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกสถานศึกษาในระดับอุดมศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในจังหวัดสมุทรสาคร. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี. 14 (2), 105-118.

ชัยพร จูผลดี. (2564). ปัจจัยที่มีผลต่อความต้องการเลือกเรียนระดับอุดมศึกษาของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย กรณีศึกษาในจังหวัดนนทบุรี. การศึกษาค้นคว้าอิสระเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย.

ไชยา ยิ้มวิไล และสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์. (2566). การรับรู้สื่อประชาสัมพันธ์และการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อหลักสูตร A มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง. วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย. 15 (1), 53-67.

บศกร สันติสิริกุล และคณะ. (2566). การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการประชาสัมพันธ์หลักสูตรการศึกษาโดยการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ. วารสารวิชาการการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ. 9 (1), 60-75.

พิสิฐ มหามงคล. (2546). ความคาดหวังและความพึงพอใจของผู้โดยสารต่อการให้บริการของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน). วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.

ภัททิรา กลิ่นเลขา และคณะ. (2568). ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีของนักศึกษา สาขาวิชาเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ปีการศึกษา 2567. Journal of Buddhist Education and Research. 11 (1), 248-255.

วีรวัฒน์ ยกดี. (2564). ความคาดหวังที่มีต่อสถานศึกษาในการศึกษาต่อและการประกอบอาชีพของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสวายวิทยาคาร. รายงานการวิจัย. โรงเรียนสวายวิทยาคาร จังหวัดสุรินทร์.

Cummins, R. G., et al. (2021). 2021 Survey of Journalism and Mass Communication Enrollments. Journalism & Mass Communication Educator. 78 (1), 69–83.

Hossler, D. and Gallagher, D. J. (1987). Studying Student College Choice: A Three-phase Model and the Implications for Policy and Practice. College and University. 62 (3), 207-221.

Likert, R. (1932). A Technique for the Measurement of Attitudes. Archives of Psychology. 140, 1–55.

Maslow, A. (1970). Motivation and Personality. New York: Harper and Row Publishers.

Meulemans, N., et al. (2019). Factors Influencing the College Choice Decisions of Community College Student-athletes. International Journal of Sports and Physical Education. 5 (3), 1–8. DOI:10.20431/2454-6380.0503001

RAND Corporation. (n.d.). Factors Influencing Students' Choice of University in England. Retrieved 9 November 2025, from https://www.rand.org/randeurope/research/projects/2014/factors-influencing-university-choice.html

Romsa, B., et al. (2024). Analysis of Factors Influencing the College Choice Decisions of NCAA Division I International Student-athletes. The Sport Journal. 24 (February), 1-15.

Yamane, T. (1973). Statistics: An Introductory Analysis. New York: Harper and Row Publishers.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-12-02

รูปแบบการอ้างอิง

อุดมสุข ก., จำเริญรักษ์ ศ., & แก้วมา จ. (2025). การเปรียบเทียบความต้องการการเข้าศึกษาต่อปริญวิชาสื่อสารมวลชนทางการกีฬาของนักเรียนในพื้นที่การศึกษาเขต 10. วารสารมนุษยวิชาการ, 2(4), 1–17. สืบค้น จาก https://so13.tci-thaijo.org/index.php/jah/article/view/2280