วารสารนวัตกรรมสังคมศาสตร์
https://so13.tci-thaijo.org/index.php/jssi
<p> <strong> วารสารนวัตกรรมสังคมศาสตร์</strong> ISSN 3057-0948 (Online) ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2567 โดยสถาบันส่งเสริมและพัฒนาวิชาการด็อกเตอร์เกษ ประเทศไทย จัดพิมพ์ปีละ 6 ฉบับ (2 เดือนต่อหนึ่งฉบับ)</p> <p>-ปรากฏในฐานข้อมูล google scholar ตั้งแต่ปี 2024</p> <p>-ตัวระบุวัตถุดิจิทัล (DOIs) ได้รับการระบุในฐานข้อมูล DataCite (https://search.datacite.org/works?query=DR.KET)</p> <p>-วารสารกำลังพัฒนาปรับปรุงรูปแบบและประเด็นหลักเพื่อเป็นไปตามเกณฑ์การประเมินคุณภาพวารสารในฐานข้อมูล TCI เพื่อรองรับการประเมินจากศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย</p>
สถาบันส่งเสริมและพัฒนาวิชาการด็อกเตอร์เกษ เลขที่ 1 หมู่ 12 ตำบลเหล่าต่างคำ อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย 43120
th-TH
วารสารนวัตกรรมสังคมศาสตร์
3057-0948
-
ผลของกิจกรรมพลศึกษาเชิงบูรณาการแรงจูงใจต่อการเรียนรู้ทางสังคมของนักเรียนในโรงเรียนชนบท จังหวัดอุตรดิตถ์
https://so13.tci-thaijo.org/index.php/jssi/article/view/3041
<p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาผลของกิจกรรมพลศึกษาเชิงบูรณาการแรงจูงใจต่อการเรียนรู้ทางสังคมของนักเรียน และ 2) เปรียบเทียบระดับการเรียนรู้ทางสังคมของนักเรียนก่อนและหลังเข้าร่วมกิจกรรมพลศึกษาเชิงบูรณาการแรงจูงใจ การวิจัยเป็นการวิจัยเชิงทดลองแบบกึ่งทดลอง โดยใช้แผนการทดลองแบบ One Group Pretest–Posttest Design กลุ่มตัวอย่างคือนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านห้วยคอม จังหวัดอุตรดิตถ์ จำนวน 30 คน ได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนกิจกรรมพลศึกษาเชิงบูรณาการแรงจูงใจ จำนวน 12 แผน ดำเนินกิจกรรมเป็นระยะเวลา 6 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ครั้งละ 60 นาที 2) แบบประเมินการเรียนรู้ทางสังคมของนักเรียนแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ 3) แบบสังเกตพฤติกรรมระหว่างกิจกรรม และ 4) แบบสะท้อนคิดหลังการเข้าร่วมกิจกรรม เครื่องมือทั้งหมดผ่านการตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน และแบบประเมินมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .87 การเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบด้วยการทดสอบก่อนการทดลอง (Pretest) การจัดกิจกรรมพลศึกษาเชิงบูรณาการแรงจูงใจ และการทดสอบหลังการทดลอง (Posttest) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าทีแบบกลุ่มสัมพันธ์ (Dependent Samples t–test)</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า</p> <p> 1) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เข้าร่วมกิจกรรมพลศึกษาเชิงบูรณาการแรงจูงใจมีระดับการเรียนรู้ทางสังคมหลังการเข้าร่วมกิจกรรมสูงกว่าก่อนการเข้าร่วมกิจกรรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</p> <p> 2) เมื่อเปรียบเทียบระดับการเรียนรู้ทางสังคมของนักเรียนก่อนและหลังการเข้าร่วมกิจกรรมพลศึกษาเชิงบูรณาการแรงจูงใจ พบว่าหลังการเข้าร่วมกิจกรรม นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยการเรียนรู้ทางสังคมสูงกว่าก่อนการเข้าร่วมกิจกรรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</p>
พงศกร สังข์เงิน
สุรศักดิ์ เขตชัยภูมิ
เบญจมาศ เกิดมาลัย
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนวัตกรรมสังคมศาสตร์
2025-12-28
2025-12-28
2 6
1
15
-
เกย์วัฒนธรรมในฐานะปรากฏการณ์นันทนาการ: การแสดงจริตและการตีความในพื้นที่วัฒนธรรมท้องถิ่นและสื่อดิจิทัล
https://so13.tci-thaijo.org/index.php/jssi/article/view/3038
<p> การเปลี่ยนผ่านของสังคมโลกในศตวรรษที่ 21 สู่บริบทที่โอบรับความหลากหลายทางอัตลักษณ์ได้ก่อให้เกิดความท้าทายเชิงโครงสร้างต่อระบบสุขภาวะทางสังคมและวัฒนธรรม โดยเฉพาะมิติอัตลักษณ์ทางเพศที่ต้องเผชิญกับแรงปะทะระหว่างคุณค่าดั้งเดิมกับความร่วมสมัย บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ทบทวนและวิเคราะห์แนวคิดเชิงนันทนาการที่เกี่ยวข้องกับการแสดงออกทางวัฒนธรรมในสังคมร่วมสมัย 2) วิเคราะห์ “เกย์วัฒนธรรม” ในฐานะปรากฏการณ์นันทนาการที่ปรากฏผ่านการแสดงจริตในบริบททางวัฒนธรรมร่วมสมัย 3) อธิบายพลวัตของการตีความและการรับรู้ทางสังคมที่มีต่อ เกย์วัฒนธรรมในบริบทที่หลากหลายทั้งในพื้นที่วัฒนธรรมท้องถิ่นและสื่อดิจิทัล และ 4) สังเคราะห์บทบาทของนันทนาการในฐานะกลไกทางสังคมที่เอื้อให้ความหลากหลายทางเพศสามารถดำรงอยู่และอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างเคารพความแตกต่าง โดยอาศัย การสังเคราะห์องค์ความรู้จากเอกสารวิชาการและการวิเคราะห์ปรากฏการณ์ทางสังคมในพื้นที่จารีตประเพณีและแพลตฟอร์มดิจิทัล ผลการวิเคราะห์ชี้ว่า นันทนาการมิได้เป็นเพียงกิจกรรมยามว่าง หากแต่เป็นพื้นที่ทางสังคมและวัฒนธรรมที่เกย์วัฒนธรรม ใช้การแสดงออกเชิงจริต ซึ่งเป็นกลไกเชิงสุนทรียะในการประกอบสร้างและสื่อสารตัวตนให้สอดรับกับบริบทวัฒนธรรมที่ลื่นไหลในพื้นที่ท้องถิ่น อีกทั้งการหยิบยืมพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ บทบาทจริตยาย และสุนทรียภาพของประเพณี ยังทำหน้าที่เป็นกลไกสร้างการยอมรับผ่านการเป็นผู้สร้างคุณค่าทางวัฒนธรรม ขณะที่สื่อดิจิทัลทำหน้าที่เป็นลานนันทนาการ ร่วมสมัยที่ช่วยขยายการมองเห็น และใช้การล้อเลียนกับอารมณ์ขันเป็นเครื่องมือในการ ลดแรงเสียดทานเชิงอุดมการณ์ ซึ่งองค์ความรู้นี้สะท้อนว่านันทนาการทำหน้าที่เป็นพื้นที่ต่อรองทางสังคมที่เอื้อให้สามารถจัดการความคลุมเครือของอัตลักษณ์ ลดการตัดสิน เชิงศีลธรรมแบบแข็งตัว และขยายพรมแดนของศาสตร์นันทนาการจากการจัดการกิจกรรมไปสู่การบริหารจัดการความหมายและความสัมพันธ์ของมนุษย์ ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมการอยู่ร่วมกันท่ามกลางความแตกต่างอย่างมีศักดิ์ศรีและยั่งยืนในสังคมพหุลักษณ์</p>
เตชภณ ทองเติม
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนวัตกรรมสังคมศาสตร์
2025-12-28
2025-12-28
2 6
16
34
-
รัฐชาติ ประชาธิปไตย และการเมืองการปกครองในโลกาภิวัตน์
https://so13.tci-thaijo.org/index.php/jssi/article/view/3216
<p><strong> </strong>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐชาติ ประชาธิปไตย และการเมืองการปกครองภายใต้บริบทของโลกาภิวัตน์ โดยมุ่งอธิบายการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของอำนาจทางการเมืองจากรูปแบบรัฐศูนย์กลางไปสู่รูปแบบการกำกับดูแลที่มีความซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้น บทความใช้การวิเคราะห์เชิงแนวคิดและทฤษฎีเพื่ออธิบายผลกระทบของโลกาภิวัตน์ต่ออำนาจอธิปไตยของรัฐชาติ การทำงานของระบอบประชาธิปไตย และโครงสร้างการเมืองการปกครองร่วมสมัย ผลการวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่า แม้โลกาภิวัตน์จะสร้างแรงกดดันต่ออำนาจการกำหนดนโยบายของรัฐชาติ และก่อให้เกิดความท้าทายต่อความชอบธรรมทางประชาธิปไตย แต่รัฐชาติไม่ได้สูญเสียบทบาทไปโดยสิ้นเชิง หากแต่กำลังปรับตัวผ่านกลไกการเมืองหลายระดับ การกระจายอำนาจ และการกำกับดูแลแบบเครือข่าย เพื่อรักษาความสามารถในการบริหารจัดการและการกำหนดทิศทางการพัฒนา บทความสรุปว่า อนาคตของรัฐชาติและประชาธิปไตยในยุคโลกาภิวัตน์ขึ้นอยู่กับความสามารถในการสร้างสมดุลระหว่างประสิทธิภาพการบริหารกับความชอบธรรมทางประชาธิปไตย ภายใต้โครงสร้างอำนาจที่เชื่อมโยงกันในหลายระดับ</p>
ธนรา เพ็ชรแหวน
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนวัตกรรมสังคมศาสตร์
2025-12-28
2025-12-28
2 6
35
48
-
การเมืองการปกครองท้องถิ่นกับการกระจายอำนาจในประเทศไทย
https://so13.tci-thaijo.org/index.php/jssi/article/view/3215
<p>บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและวิเคราะห์การเมืองการปกครองท้องถิ่นกับการกระจายอำนาจในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการอธิบายแนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง พัฒนาการของการกระจายอำนาจตามกรอบรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ตลอดจนวิเคราะห์บริบทการเมืองการปกครองท้องถิ่นในปัจจุบัน บทความใช้วิธีการศึกษาจากการวิเคราะห์เอกสารและงานวิชาการที่เกี่ยวข้อง ผลการศึกษาพบว่า แม้ประเทศไทยจะมีความพยายามในการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นอย่างเป็นระบบ แต่ในทางปฏิบัติองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยังคงเผชิญกับข้อจำกัดด้านอำนาจหน้าที่ งบประมาณ ความเหลื่อมล้ำระหว่างท้องถิ่น ปัญหาธรรมาภิบาล และความไม่ต่อเนื่องของนโยบาย การวิเคราะห์เชิงวิพากษ์ชี้ให้เห็นว่า การกระจายอำนาจจะสามารถเสริมสร้างประชาธิปไตยฐานรากได้อย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อมีความสมดุลระหว่างอำนาจรัฐส่วนกลางกับการปกครองท้องถิ่น ควบคู่กับการพัฒนาศักยภาพองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน และการพัฒนาระบบธรรมาภิบาล บทความเสนอว่าการปรับปรุงกฎหมาย โครงสร้างการกระจายอำนาจ และกลไกการกำกับดูแลอย่างเหมาะสม จะเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาการเมืองการปกครองท้องถิ่นและการกระจายอำนาจในประเทศไทยอย่างยั่งยืน</p>
ประสาท สามารถกุล
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนวัตกรรมสังคมศาสตร์
2025-12-28
2025-12-28
2 6
49
77