การประยุกต์หลักพุทธธรรมเพื่อส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์ อำเภอเมืองนครนายก
คำสำคัญ:
การประยุกต์, พุทธธรรม, การปกครองคณะสงฆ์บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพทั่วไปต่อการส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์อำเภอเมืองนครนายก 2) เปรียบเทียบความคิดเห็นต่อการส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์ อำเภอเมืองนครนายก จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล 3) นำเสนอการประยุกต์หลักพุทธธรรมในการส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์ อำเภอเมืองนครนายก วิธีดำเนินการวิจัยแบบผสานด้วยวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพ เก็บข้อมูลจากประชากร 400 รูป ผู้ให้ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ จำนวน 9 รูปหรือคน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน t-test F-test การสัมภาษณ์เชิงลึก วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหาเชิงพรรณนา
ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพทั่วไปต่อการส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์ อำเภอเมืองนครนายก การบริหารจัดการการส่งเสริมปกครองคณะสงฆ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อยถูกต้อง เหมาะสม บริสุทธิ์ยุติธรรม เป็นไปตามหลักของพระธรรมวินัย กำหนดตำแหน่งหน้าที่สายการบังคับบัญชาในองค์การคณะสงฆ์อย่างเหมาะสมกับคุณสมบัติ ความรู้ ความสามารถ มีความเข้าใจในเรื่องการปกครองคณะสงฆ์ให้ทันต่อยุคการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ปกครองพระภิกษุสามเณร ตลอดจนคฤหัสถ์ที่อยู่ภายในวัดให้ประพฤติปฏิบัติตนให้ถูกต้องเรียบร้อยดีงาม ผู้มีหน้าที่บริหารปกครองวัดเป็นตัวจักรสำคัญในความเจริญของพระพุทธศาสนาและการพัฒนาวัดให้เป็นศูนย์กลางของชุมชน 2) การเปรียบเทียบความคิดเห็นต่อการส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์ อำเภอเมืองนครนายก พระสงฆ์ที่มีอายุ พรรษา ระดับการศึกษา ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อการส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์ ไม่แตกต่างกัน 3) การนำเสนอการบูรณาการการประยุกต์หลักพุทธธรรมเพื่อส่งเสริมการปกครองคณะสงฆ์อำเภอเมืองนครนายก ด้วยการทำความดีต่อกัน สนับสนุนช่วยเหลือกัน รู้จักสัมมาคารวะ ไม่เบียดเบียนหรือรังแกกัน ไม่ทำร้ายกันให้ได้รับความทุกข์ การเข้าไปมีน้ำใจช่วยเหลือกัน ทางกายทั้งต่อหน้าและลับหลัง เห็นคุณค่าในตัวเพื่อนมนุษย์ ให้ความสนใจในความทุกข์สุขของผู้อื่น แสดงไมตรีและความหวังดีต่อเพื่อนร่วมวัด เพื่อนร่วมงาน ร่วมชุมชน ด้วยการช่วยเหลือกิจธุระต่าง ๆ โดยเต็มใจ แสดงออกด้วยกิริยาอาการสุภาพ การกระทำประโยชน์ให้กับส่วนรวม
เอกสารอ้างอิง
ณัฐฐาพร จินดาสวัสดิ์. (2558). การปกครองคณะสงฆ์ในประเทศไทย กรณีศึกษา : มหาเถรสมาคม (การค้นคว้าอิสระรัฐศาสตรมหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
นันทวรรณ อิสรานุวัฒน์ชัย. (2550). ภาวะผู้นำที่พึงประสงฆ์ในยุคโลกาภิวัตน์ : ศึกษาจากหลักพุทธธรรม (วิทยานิพนธ์ปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิต). พระนครศรีอยุธยา : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระเทพปริยัติสุธี (วรวิทย์ คงฺคปญโญ). (2546). คู่มือพระสังฆาธิการว่าด้วยพระราชบัญญัติกฎระเบียบและของคณะสงฆ์. กรุงเทพฯ : กรมการศาสนา.
พระเทพปริยัติสุธี (2545). การคณะสงฆ์และการศาสนา. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระครูกัลยาณกิจจานุกิจ (กลฺยาโณ ปทุมมา). (2563). การนำหลักสาราณียธรรม 6 มาใช้ในการบริหารงานขององค์การบริหารส่วนตำบลหนองไผ่ อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม. วารสารมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตร้อยเอ็ด. 9(2), 124-135.
พระครูวิมลสุวรรณกร. (2559). รูปแบบการปกครองคณะสงฆ์ที่พึงประสงค์ของพระสังฆาธิการในเขตการปกครองคณะสงฆ์ภาค 1. มจร. สังคมศาสตร์ปริทรรศน์. 5(2), 15-26.
พระราชปริยัติโมลี. (2554). การบริหารกิจการคณะสงฆ์ของเจ้าอาวาสในเขตปกครองคณะสงฆ์ จังหวัดสุพรรณบุรี (วิทยานิพนธ์ปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิต). พระนครศรีอยุธยา : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระราชปริยัติโมลี. (2554). การบริหารกิจการคณะสงฆ์ของเจ้าอาวาสในเขตปกครองคณะสงฆ์ จังหวัดสุพรรณบุรี (วิทยานิพนธ์ปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิต). พระนครศรีอยุธยา : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระสุระ สนิทชัย และรชพล ศรีขาวรส. (2562). บทบาทพระสังฆาธิการในการบริหารกิจการคณะสงฆ์ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา. การประชุมวิชาการระดับชาติ วิทยาลัยนครราชสีมา ครั้งที่ 6 ประจำปี พ.ศ. 2562.
ศิริพงษ์ อรุณเดชาชัย. (2559). สถานีสาราณียธรรม : พื้นที่บ่มเพาะความรู้ชุมชนกรณีศึกษาชุมชนบ้านแฮด ตำบลบ้านแฮด อำเภอบ้านแฮด จังหวัดขอนแก่น (วิทยานิพนธ์ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต). มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารบัณฑิตศึกษาปริทรรศน์ มจร วิทยาเขตแพร่

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความนี้ได้รับการเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0) ซึ่งอนุญาตให้ผู้อื่นสามารถแชร์บทความได้โดยให้เครดิตผู้เขียนและห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าหรือดัดแปลง หากต้องการใช้งานซ้ำในลักษณะอื่น ๆ หรือการเผยแพร่ซ้ำ จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากวารสาร
