วารสารวิชาการสหศาสตร์ศึกษา
https://so13.tci-thaijo.org/index.php/jame
<p> วารสารวิชาการสหศาสตร์ศึกษา (Journal of Academic Multidisciplinary Education) มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้คณาจารย์ นักวิชาการ นิสิต นักศึกษา และผู้สนใจทั่วไปได้มีโอกาสเผยแพร่ผลงานวิจัย และผลงานทางวิชาการ ด้านสังคมศาสตร์ และแขนงวิชาที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ปรัชญา ศาสนา รัฐศาสตร์ สังคมศึกษา รัฐประศาสนศาสตร์ ภูมิศาสตร์ นิติศาสตร์ การจัดการ สังคมวิทยา มานุษยวิทยา จิตวิทยา เศรษฐศาสตร์ พัฒนศึกษา พัฒนาสังคม การบริหารการศึกษา การศึกษา และสหวิทยาการ ซึ่งทางวารสารวิชาการสหศาสตร์ศึกษาเปิดรับบทความทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยบทความที่จะได้รับการตีพิมพ์จะต้องผ่านการกลั่นกรองและประเมินคุณภาพจากคณะกรรมการกลั่นกรองบทความของทางวารสารวิชาการสหศาสตร์ศึกษา (Peer Review) จำนวนไม่น้อยกว่า 3 ท่าน ที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง และได้รับความเห็นชอบจากกองบรรณาธิการก่อนการตีพิมพ์</p> <p>ISSN 3088-1617 (Online)</p> <p>กำหนดการเผยแพร่ ปีละ 6 ฉบับ</p> <p>ฉบับที่ 1 มกราคม - กุมภาพันธ์<br />ฉบับที่ 2 มีนาคม - เมษายน<br />ฉบับที่ 3 พฤษภาคม - มิถุนายน<br />ฉบับที่ 4 กรกฎาคม - สิงหาคม<br />ฉบับที่ 5 กันยายน - ตุลาคม<br />ฉบับที่ 6 พฤศจิกายน – ธันวาคม</p> <p><a href="https://so13.tci-thaijo.org/index.php/jame/about/submissions">เริ่มการส่งบทความ คลิก!</a></p>
สมาคมสังคมศึกษาสัมพันธ์
th-TH
วารสารวิชาการสหศาสตร์ศึกษา
3088-1617
บทความนี้ได้รับการเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0) ซึ่งอนุญาตให้ผู้อื่นสามารถแชร์บทความได้โดยให้เครดิตผู้เขียนและห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าหรือดัดแปลง หากต้องการใช้งานซ้ำในลักษณะอื่น ๆ หรือการเผยแพร่ซ้ำ จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากวารสาร
-
ดานัง เวียดนาม: เสี้ยวความทรงจำบนเส้นทางต่างแดน
https://so13.tci-thaijo.org/index.php/jame/article/view/2179
<p>บทความวิชาการฉบับนี้เปรียบเสมือนบันทึกการเดินทางเชิงวิชาการที่บันทึกช่วงเวลาแห่งความทรงจำ ณ ต่างแดน จากการศึกษาดูงาน ณ นครดานัง ประเทศเวียดนาม การศึกษาครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึง<br />ความหลากหลายและความแตกต่างทางวิถีชีวิต รูปแบบการใช้จ่าย ตลอดจนวัฒนธรรมของประเทศเพื่อนบ้านในประชาคมอาเซียน แม้จะเป็นระยะเวลาเพียงสามวันสองคืน หากแต่เต็มเปี่ยมด้วยประสบการณ์เชิงวิชาการที่ทรงคุณค่าและก่อให้เกิดความทรงจำอันยากจะลืมเลือน</p> <p> การเยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจลักษณะภูมิประเทศและการบริหารจัดการที่แปลกใหม่ของบานาฮิลล์ การศึกษากระบวนการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในเมืองโบราณฮอยอัน การทำความเข้าใจกับความเชื่อและแรงศรัทธาที่มีต่อองค์เจ้าแม่กวนอิมแห่งวัดหลินอึ๋ง ตลอดจนการสำรวจมิติทางเศรษฐกิจและวิถีชีวิตของผู้คนในย่านชุมชน ล้วนเป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ที่สะท้อนคุณค่าในมิติ “อาณาบริเวณศึกษา” (Area Studies) ซึ่งช่วยให้มองเห็นภาพรวมของคุณภาพชีวิตและโครงสร้างสังคมท้องถิ่นได้อย่างชัดเจน ตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจ คือ การที่นครดานังไม่มีผู้ขอทานปรากฏให้เห็น อันเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงระบบการจัดการสังคมที่มีประสิทธิภาพและมีระเบียบแบบแผน</p>
พระก้องเกียรติ สุวฑฺฒนปญฺโญ
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการสหศาสตร์ศึกษา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-10-31
2025-10-31
1 3
1
12
-
การศึกษาการปรับตัวของระบบราชการไทยภายใต้รูปแบบการทำงานแบบผสมผสาน ในสถานการณ์โรคระบาด
https://so13.tci-thaijo.org/index.php/jame/article/view/2196
<p>การปรับตัวของภาครัฐสู่รูปแบบการทำงานแบบผสมผสาน (Hybrid Work) เป็นประเด็นสำคัญในปัจจุบัน สถานการณ์โรคระบาดได้เร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานทั่วโลก ทำให้หน่วยงานราชการไทยจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรักษาประสิทธิภาพการให้บริการประชาชนภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ การกลับมาระบาดของโรคต่างๆ ยิ่งตอกย้ำความจำเป็นในการพัฒนาระบบที่มีความยืดหยุ่นและพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน บทความวิชาการนี้วิเคราะห์ 5 มิติหลัก ได้แก่ 1) แนวคิดและรูปแบบการทำงานแบบผสมผสานที่เหมาะสมกับบริบทภาครัฐ 2) ประเภทของการทำงานแบบไฮบริดที่สามารถประยุกต์ใช้<br />ในหน่วยงานราชการ 3) บทบาทของผู้นำและการบริหารทีมในสภาพแวดล้อมการทำงานแบบผสมผสาน 4) การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติราชการวิถีใหม่ และ 5) แนวทางการรักษาภาพลักษณ์และประสิทธิภาพการให้บริการประชาชนในระบบงานที่ยืดหยุ่น องค์ความรู้จากบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริหารและบุคลากรภาครัฐในการออกแบบนโยบายและแนวปฏิบัติที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและคุณภาพชีวิต ควบคู่ไปกับการยกระดับบริการประชาชนภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง</p> <p> </p>
กมลสัณห์ ศรียารัณย
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการสหศาสตร์ศึกษา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-10-31
2025-10-31
1 3
1
10
-
พลวัตใหม่ของราชการไทย: การประยุกต์ใช้หลักธรรมาภิบาลในการพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารจัดการภาครัฐในยุคดิจิทัล
https://so13.tci-thaijo.org/index.php/jame/article/view/2233
<p>การบริหารจัดการภาครัฐในยุคดิจิทัลปัจจุบันต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ทั้งด้านความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งต้องการการปรับปรุงระบบการบริหารงานให้สอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาลที่เน้นประสิทธิภาพและการตอบสนองความต้องการของประชาชน</p> <p>บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอ 1) พัฒนาการและแนวคิดหลักธรรมาภิบาลในบริบทการบริหารภาครัฐ 2) สถานการณ์และความท้าทายของการบริหารภาครัฐไทยในยุคดิจิทัล 3) กรอบแนวคิด<br />การประยุกต์ใช้หลักธรรมาภิบาลในยุคดิจิทัล 4) แนวทางการพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารงานภาครัฐ และ 5) ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายสำหรับการพัฒนาระบบราชการไทย องค์ความรู้จากการศึกษานี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อนักบริหารภาครัฐ นักวิชาการ และผู้กำหนดนโยบายในการพัฒนาระบบราชการให้มีประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของประชาชนในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง การประยุกต์ใช้หลักธรรมาภิบาลร่วมกับเทคโนโลยีดิจิทัลไม่เพียงแต่จะเป็นเครื่องมือในการปรับปรุงการทำงาน แต่ยังเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างภาครัฐไทยที่มีความน่าเชื่อถือ มีประสิทธิภาพสูง และยั่งยืนในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีความร่วมมือจากทุกภาคส่วนของสังคม ควบคู่ไปกับการวางกรอบนโยบายที่มีลักษณะเชิงรุกและมีความต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลที่มีธรรมาภิบาลอย่างเป็นรูปธรรมในอนาคต</p>
ปรินทร ศิริเอี้ยวพิกูล
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการสหศาสตร์ศึกษา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-10-31
2025-10-31
1 3
1
10
-
การทำกำไรและความยั่งยืน (PSRs) ต่อเสถียรภาพทางการเงินและสมดุลการแข่งขันของสโมสรกีฬาฟุตบอลในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ
https://so13.tci-thaijo.org/index.php/jame/article/view/2260
<p>พรีเมียร์ลีกอังกฤษได้นำเอาแนวคิดกฎการเงินที่บริสุทธิ์ยุติธรรมของยูฟ่ามาปรับใช้เพื่อป้องกันไม่ให้สโมสรกีฬาฟุตบอลอาชีพใช้เงินไม่เกินรายได้ของตนเองจนกลายมาเป็นเป็นกฎ PSRs ของพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เพื่อตอบสนองต่อการรักษาเสถียรภาพทางการเงินระยะยาวกับการคุ้มครองการแข่งขันที่เป็นธรรม ตลอดจนการรักษาวินัยทางการเงินของสโมสรฟุตบอลอาชีพในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ พรีเมียร์ลีกอังกฤษจึงปฏิรูประบอบการตรวจสอบและการลงโทษทางการเงินที่เข้มงวด อย่างไรก็ตาม การพัฒนาความยั่งยืนทางการเงินของพรีเมียร์ลีกอังกฤษและสโมสรฟุตบอลอาชีพอาจส่งผลให้เกิดการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ของการดำเนินธุรกิจกีฬาฟุตบอลเป็นอย่างมาก หลักเกณฑ์ของกฎ PSRs มุ่งหวังให้เกิดขั้นตอนเพื่อสร้างความโปร่งใสความรับผิดชอบและการส่งเสริมความยั่งยืนทางการเงิน บทความนี้มุ่งศึกษาวิเคราะห์สาระสำคัญของกฎ PSRs อีกทั้งบทความวิชาการฉบับนี้ยังวิเคราะห์การนำกฎ PSRs ไปปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างวินัยทางการเงินในสโมสรกีฬาฟุตบอลอังกฤษ รวมทั้งสะท้อนถึงความเหมาะสมของหลักการสำหรับปกป้องสมดุลการแข่งขันของพรีเมียร์ลีกอังกฤษ</p>
ปีดิเทพ อยู่ยืนยง
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการสหศาสตร์ศึกษา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-10-31
2025-10-31
1 3
1
15
-
บทบาทเชิงพัฒนาของวิทยาลัยชุมชน ในการขับเคลื่อนแผนงานบูรณาการเพื่อแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
https://so13.tci-thaijo.org/index.php/jame/article/view/2547
<p>บทความวิจัยนี้มุ่งศึกษาบทบาทและแนวทางการดำเนินงานของวิทยาลัยชุมชนในการสนับสนุนแผนงานบูรณาการเพื่อแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาบทบาทเชิงพัฒนาในการส่งเสริมทักษะอาชีพ การยกระดับคุณภาพชีวิต และการสร้างสังคมพหุวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน ตลอดจนวิเคราะห์<strong><br /></strong>ความสอดคล้องของการดำเนินงานกับยุทธศาสตร์ชาติ นโยบายการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) การวิจัยเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยใช้แนวคิดสี่เสาหลักของการเรียนรู้ของ UNESCO (1996) และ Casey (2020) เป็นกรอบการศึกษา เก็บรวบรวมข้อมูลจากรายงานผลการดำเนินงานของวิทยาลัยชุมชนในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2565–2567 และวิเคราะห์ด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ผลการวิจัยพบว่า วิทยาลัยชุมชนมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาทักษะอาชีพและการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อเสริมศักยภาพแรงงานและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน การดำเนินงานสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและ SDGs โดยเฉพาะด้านการลดความเหลื่อมล้ำ การพัฒนาทุนมนุษย์ และการสร้างสันติภาพ อีกทั้งยังเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาในสังคมพหุวัฒนธรรมผ่านกระบวนการมีส่วนร่วม และการส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ งานวิจัยสะท้อนว่าวิทยาลัยชุมชนสามารถทำหน้าที่เป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาท้องถิ่นเชิงองค์รวมโดยใช้การเรียนรู้เป็นฐาน และเป็นต้นแบบที่สามารถประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาพื้นที่ชายขอบในบริบทอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ</p>
วชิราภรณ์ สุรธนะสกุล
ครองสิน มิตะทัง
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการสหศาสตร์ศึกษา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-10-31
2025-10-31
1 3
1
13
-
การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันความฉลาดรู้ดิจิทัลของครู สังกัดสถาบันการอาชีวศึกษาภาคเหนือ 3
https://so13.tci-thaijo.org/index.php/jame/article/view/2350
<p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันและตรวจสอบความตรงเชิงโครงสร้างของแบบวัดความฉลาดรู้ดิจิทัลของครู สังกัดสถาบันการอาชีวศึกษาภาคเหนือ 3 กลุ่มตัวอย่างคือ ครูสังกัดสถาบันการอาชีวศึกษาภาคเหนือ 3 จำนวน 342 คน ใช้วิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้น (Stratified Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามความฉลาดรู้ดิจิทัลของครู สังกัดสถาบันการอาชีวศึกษาภาคเหนือ 3 ซึ่งผ่านการตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (Content Validity) โดยผู้เชี่ยวชาญ มีค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่าง 0.67 – 1.00 และมีค่าความเชื่อมั่น (Reliability) ทั้งฉบับเท่ากับ 0.941 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป (Mplus) ผลการวิจัยพบว่า โมเดลการวัดความฉลาดรู้ดิจิทัลของครู สังกัดสถาบันการอาชีวศึกษาภาคเหนือ 3 มีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ ( x<sup>2</sup>= 60.469, df = 44, p-value = .0501, CFI = .995, TLI = .987, RMSEA = .033, SRMR = .0333) พิจารณาจากค่า p - value ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (p = .0501 ค่า CFI, TLI มีค่าเข้าใกล้ 1 (CFI = .995, TLI = .987) ค่า RMSEA, SRMR มีค่าเข้าใกล้ 0 (RMSEA = .033, SRMR = .0333) ผลการวิเคราะห์ยืนยันความตรงเชิงโครงสร้างของโมเดลการวัด โดยองค์ประกอบความฉลาดรู้ดิจิทัลของครู สังกัดสถาบันการอาชีวศึกษาภาคเหนือ 3 ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ ได้แก่ การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพและสมดุล (0.733) การสื่อสารและอยู่ร่วมกันบนโลกดิจิทัลอย่างสร้างสรรค์ (0.703) การปกป้องข้อมูล ความปลอดภัย และสิทธิในโลกดิจิทัล (0.894) และการใช้งานดิจิทัลอย่างมีจริยธรรมและความรับผิดชอบ (0.982)</p> <p> องค์ความรู้/ข้อค้นพบจากงานวิจัยนี้ สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการส่งเสริมและพัฒนาความฉลาดรู้ดิจิทัลของครูในสังกัดสถาบันการอาชีวศึกษา โดยเฉพาะในด้านการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพและสมดุล การสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ การปกป้องข้อมูล และการใช้งานอย่างมีจริยธรรม อันจะส่งผลให้ครูมีศักยภาพในการจัดการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับบริบทของโลกดิจิทัล และสนับสนุน<br />การเรียนรู้ของผู้เรียนได้อย่างมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น</p>
กฤษฐิพงศ์ จิรัญยาวงศ์
เอกชัย ชูเที่ยง
วิภาณี เทียมจันทร์
ณัฐกานต์ ประจันบาน
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการสหศาสตร์ศึกษา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-10-31
2025-10-31
1 3
1
11
-
แนวทางการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรตามนโยบายกองทัพดิจิทัลในโรงงานวัตถุระเบิดทหาร กรมการอุตสาหกรรมทหาร ศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร
https://so13.tci-thaijo.org/index.php/jame/article/view/2563
<p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัญหาและหาแนวทางการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรตามนโยบายกองทัพดิจิทัลในโรงงานวัตถุระเบิดทหาร กรมการอุตสาหกรรมทหาร ศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ได้ศึกษานโยบายการขับเคลื่อนสู่การเป็นกองทัพดิจิทัลเป็นกรอบการวิจัย ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ คือ บุคลากรในโรงงานวัตถุระเบิดทหาร ประกอบด้วย นายทหารชั้นสัญญาบัตรชั้นยศ ร้อยตรี-พันเอก ทหารชั้นยศประทวน สิบเอก-จ่าสิบเอก พนักงานราชการและลูกจ้าง จำนวน 27 คน ใช้วิธีคัดเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 2 ชนิด คือ 1) การสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง 2) การจัดประชุมสนทนากลุ่ม และการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์เนื้อหาแล้วเขียนบรรยายเชิงพรรณนา ผลการวิจัยพบว่า</p> <ol> <li>ปัญหาการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรตามนโยบายกองทัพดิจิทัลในโรงงานวัตถุระเบิดทหาร พบปัญหาหลัก 4 ด้าน ได้แก่: 1) ด้านกำลังพล ขาดบุคลากรเชี่ยวชาญเฉพาะทางและการฝึกอบรมที่ยังไม่ครอบคลุมทุกตำแหน่ง 2) ด้านเทคโนโลยีและระบบสารสนเทศ ขาดความชัดเจนในการเชื่อมโยงนโยบายกับการปฏิบัติ ขาดแรงจูงใจ ระบบราชการไม่ยืดหยุ่น และวัฒนธรรมองค์กรต่อต้านการเปลี่ยนแปลง 3) ด้านการบริหารจัดการและงบประมาณ มีข้อจำกัดด้านการวางแผนและใช้ทรัพยากร รวมถึงขาดความเข้าใจด้านดิจิทัลของผู้บริหาร 4) ด้านการกำกับดูแล ขาดหลักสูตรและทักษะการใช้เทคโนโลยี รวมถึงไม่มีระบบติดตามประเมินผลที่มีประสิทธิภาพ</li> <li>แนวทางการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรตามนโยบายกองทัพดิจิทัลในโรงงานวัตถุระเบิดทหาร มีแนวทางพัฒนาใน 4 ด้าน ดังนี้: 1) ด้านกำลังพล มุ่งเพิ่มบุคลากรเฉพาะทางและปรับโครงสร้างให้เหมาะสม 2) ด้านเทคโนโลยีและระบบสารสนเทศ ส่งเสริมการเชื่อมนโยบายกับการปฏิบัติ และพัฒนาทักษะดิจิทัล 3) ด้านการบริหารจัดการและงบประมาณ เน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มความเข้าใจด้านดิจิทัลแก่ผู้บริหาร 4) ด้านการกำกับดูแล พัฒนาหลักสูตร ทักษะการใช้เทคโนโลยี และส่งเสริมความโปร่งใสในองค์กรผ่านการบูรณาการข้อมูลควบคุมภายใน</li> </ol> <p> องค์ความรู้จากงานวิจัยนี้ คือ การพัฒนาศักยภาพบุคลากรของกองทัพในยุคดิจิทัลต้องมองทั้งระบบ โดยผสานคน เทคโนโลยี การบริหาร และการกำกับดูแลที่ดีเข้าด้วยกันอย่างเป็นองค์รวม</p>
วรพจน์ ศรีเพ็ง
ณัฐชัย นิ่มนวล
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการสหศาสตร์ศึกษา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-11-17
2025-11-17
1 3
1
17