วารสารมนุษยวิชาการ https://so13.tci-thaijo.org/index.php/jah <p><strong><img src="https://so13.tci-thaijo.org/public/site/images/journaljah/----2-625d49b174031f39070976cc89f76834.png" alt="" width="800" height="450" /></strong></p> <p><strong>วัตถุประสงค์ของศูนย์มนุษยวิชาการทางศาสนา (Aims of Religious Academic Humanities Center) <br /></strong> วารสารมนุษยวิชาการเป็นวารสารบริการวิชาการแก่สังคม ภายใต้การบริหารจัดการของศูนย์มนุษยวิชาการทางศาสนา วัตถุประสงค์ของศูนย์ฯ ประกอบด้วย 1) เพื่อให้บริการความรู้เกี่ยวกับศาสนพิธีกรรมแก่สังคม 2) เพื่อประกอบพิธีวัฒนธรรมความเชื่อโบราณด้านฤกษ์พิธี/การสู่ขวัญ 3) เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้มานุษยวิทยาด้านบทความทางวิชาการ </p> <p><strong>วัตถุประสงค์ของวารสาร (Aims of the Journal) </strong> <br /> สำหรับการจัดทำวารสารวิชาการ ทางศูนย์ฯ ได้มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อเผยแพร่ผลงานทางวิชาการและองค์ความรู้ด้านการวิจัยของคณาจารย์ เจ้าหน้าที่ นิสิต/นักศึกษาของมหาวิทยาลัยหรือหน่วยงานทั่วไป 2) เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้การเรียนการสอนและผลงานทางวิชาการของคณาจารย์ เจ้าหน้าที่ นิสิต/นักศึกษาของมหาวิทยาลัยหรือหน่วยงานทั่วไป 3) เพื่อสร้างความร่วมมือด้านวิชาการระหว่างบุคลากร หน่วยงานของภาครัฐและเอกชน</p> <p><strong>ขอบเขตเนื้อหาการตีพิมพ์</strong> <strong>(Scope of the Journal)<br /></strong><strong> </strong>ขอบเขตเนื้อหาที่วารสารเปิดรับ ได้แก่ 1) ด้านพุทธศาสนาและปรัชญา 2) ด้านรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ 3) ด้านศึกษาศาสตร์ รวมถึงสหวิทยาการด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์</p> <p><strong>รูปแบบการการตีพิมพ์</strong><strong> (Process of Publication)<br /> </strong>กองบรรณาธิการให้ความสำคัญต่อกระบวนการจัดทำวารสาร ตั้งแต่การคัดเลือกบทความ การประเมินคุณภาพจากผู้ทรงคุณวุฒิ โดยมีอย่างน้อยบทความละ 3 ท่าน ในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานทางวิชาการ โดยเป็นการประเมินในรูปแบบการปกปิดชื่อผู้ประเมินและผู้เขียน (Double-blind Peer Review) และบทความต้นฉบับต้องไม่เคยตีพิมพ์หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาจากกองบรรณาธิการหรือผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อตีพิมพ์ในวารสารอื่น<br /> ทั้งนี้ ผู้เขียนบทความต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การเสนอบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารนี้อย่างเคร่งครัด รวมทั้งระบบการอ้างอิงต้องตามหลักเกณฑ์ที่วารสารกำหนด ในกรณีกองบรรณาธิการหรือผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้รับเชิญให้เป็นผู้พิจารณากลั่นกรองบทความมีความเห็นว่า ควรแก้ไข กองบรรณาธิการจะส่งคืนเพื่อให้เจ้าของบทความแก้ไข โดยจะยึดถือข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิเป็นหลัก และขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่ตีพิมพ์ในกรณีที่บทความไม่ตรงกับวัตถุประสงค์และรูปแบบของวารสารนี้ หรือไม่ผ่านการพิจารณาของกองบรรณาธิการหรือผู้ทรงคุณวุฒิ หากบทความใดได้รับการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิให้ตีพิมพ์ ผู้เขียนจึงจะได้รับหนังสือรับรองการตีพิมพ์จากวารสาร<br /> ข้อความ ตาราง ภาพ กราฟ หรือการแสดงความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความวารสารมนุษยวิชาการ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความ ไม่ถือเป็นความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสารมนุษยวิชาการแต่อย่างใด </p> <p><strong>ประเภทของบทความ (</strong><strong>Types of Articles)<br /></strong> 1) บทความวิจัย (Research Article)<br /> 2) บทความวิชาการ (Academic Article)<br /> 3) บทวิจารณ์หนังสือ (Book Review)</p> <p><strong>ภาษาที่รับตีพิมพ์ (</strong><strong>Languages)<br /></strong><strong> </strong>ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ</p> <p><strong>การกำหนดตีพิมพ์ (</strong><strong>Publication Frequency)<br /></strong><strong> </strong>กำหนดเผยแพร่ปีละ 4 ฉบับ (ราย 3 เดือน) คือ<br /><strong> </strong>ฉบับที่ 1 มกราคม-มีนาคม<br /><strong> </strong>ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน<br /><strong> </strong>ฉบับที่ 3 กรกฎาคม-กันยายน<br /><strong> </strong>ฉบับที่ 4 ตุลาคม-ธันวาคม</p> <p><strong>ค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์ <br /></strong> วารสารยังไม่กำหนดค่าตีพิมพ์ (ฟรี)<br /><br /><strong>กระบวนการพิจารณาบทความ :<br /><br />เจ้าของวารสาร (Owner)</strong><strong style="font-size: 0.875rem;"><br /></strong> ศูนย์มนุษยวิชาการทางศาสนา ห้างหุ้นส่วนจำกัด อุบลลำปางการช่าง <br /> เลขที่ 257 หมู่ที่ 4 ตำบลทุ่งฝาย อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง 52000 <br /> โทร. 09 8562 5419, 09 3027 6325, 09 2795 9626 <br /> E-mail: journaljah@gmail.com</p> ศูนย์มนุษยวิชาการทางศาสนา ห้างหุ้นส่วนจำกัด อุบลลำปางการช่าง th-TH วารสารมนุษยวิชาการ 3088-2400 <p>บทความนี้ได้รับการเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0) ซึ่งอนุญาตให้ผู้อื่นสามารถแชร์บทความได้โดยให้เครดิตผู้เขียนและห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าหรือดัดแปลง หากต้องการใช้งานซ้ำในลักษณะอื่น ๆ หรือการเผยแพร่ซ้ำ จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากวารสาร</p> พุทธศาสนากับเยาวชนในยุคสังคมเอไอ https://so13.tci-thaijo.org/index.php/jah/article/view/2281 <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาบทบาทและความสำคัญของพุทธศาสนาในบริบทของสังคมยุคปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ ซึ่งเป็นยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตของมนุษย์ ทั้งด้านการคิด การทำงาน ความสัมพันธ์ และการสร้างอัตลักษณ์ ซึ่งเอไอสามารถสร้างประสิทธิภาพและความสะดวกสบายในระดับโครงสร้างทางสังคม แต่ก็ไม่สามารถตอบโจทย์ด้านจริยธรรม ความหมายของชีวิตหรือการพัฒนาจิตใจ พุทธศาสนาในฐานะระบบความรู้ทางจิตวิญญาณและส่งเสริมจริยธรรมในการถ่วงดุลและเสริมสร้างความตระหนักรู้ในมิติเชิงคุณค่าที่ลึกซึ้งผ่านหลักธรรม บทความยังชี้ให้เห็นถึงความท้าทายใหม่เชิงจริยธรรมของเอไอ ความเปลี่ยนแปลงของตัวตนกับเยาวชน ซึ่งสามารถใช้หลักพุทธธรรมเป็นกรอบแนวคิดในการวิเคราะห์และเสนอแนวทางแก้ไข เพื่อพัฒนาปัญญาเชิงจริยธรรมของมนุษย์ในยุคที่เทคโนโลยีภายนอกเจริญก้าวหน้า แต่จิตใจภายในยังต้องการการฝึกฝนและตื่นรู้เพื่อความเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง</p> พระมหานพดล มีคำเหลือง สมจันทร์ ศรีปรัชยานนท์ ปาณิสรา เทพรักษ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยวิชาการ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-12-02 2025-12-02 2 4 18 27 การพัฒนาทักษะชีวิตของนักศึกษามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยด้วยกระบวนการสังคมสงเคราะห์เชิงพุทธ: รูปแบบใหม่ในยุคดิจิทัล https://so13.tci-thaijo.org/index.php/jah/article/view/2190 <p>บทความวิชาการนี้นำเสนอรูปแบบการพัฒนาทักษะชีวิตของนักศึกษามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ด้วยกระบวนการสังคมสงเคราะห์เชิงพุทธที่ผสานเทคโนโลยีดิจิทัลในยุคปัจจุบัน โดยการศึกษาจากเอกสาร งานวิชาการ และกรณีศึกษาที่เกี่ยวข้อง ผลการศึกษาพบว่าทักษะชีวิตในศตวรรษที่ 21 จำเป็นต้องบูรณาการหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา รวมทั้งสังคหวัตถุ 4 โยนิโสมนสิการ อิทธิบาท 4 และอัตถะ 3 กับกระบวนการสังคมสงเคราะห์ที่เป็นระบบและการใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ กิจกรรมที่เหมาะสม ได้แก่ การเสวนาออนไลน์ เวิร์กช็อปฝึกคิดวิเคราะห์ กิจกรรมจิตอาสาดิจิทัล และการอบรมการใช้เทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรม ผลการสังเคราะห์ชี้ให้เห็นว่า นักศึกษาสามารถพัฒนาทักษะชีวิตและคุณธรรมจริยธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเผชิญกับความท้าทายในยุคดิจิทัลอย่างยั่งยืน องค์ความรู้ใหม่จากบทความนี้ คือ การนำเสนอรูปแบบการพัฒนาทักษะชีวิตนักศึกษาด้วยกระบวนการสังคมสงเคราะห์เชิงพุทธในยุคดิจิทัล ซึ่งมีลักษณะเฉพาะและจุดเด่นที่แตกต่างจากรูปแบบการพัฒนาทักษะชีวิตแบบดั้งเดิม</p> ปริญญา ตรีธัญญา ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยวิชาการ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-12-12 2025-12-12 2 4 28 38 ชาดกวิเคราะห์: ว่าด้วยเรื่องข้อคิดจากพฤติกรรมสุนัข https://so13.tci-thaijo.org/index.php/jah/article/view/1711 <p>บทความเรื่องชาดกวิเคราะห์: ว่าด้วยเรื่องข้อคิดจากพฤติกรรมสุนัข มีเป้าหมายเพื่อยกธรรมะจากชาดก โดยมีหมาหรือสุนัขเป็นส่วนสำคัญในเรื่องโดยมีที่มาจากชาดกในพระพุทธศาสนา ใช้วิธีการศึกษาจากเอกสารและงานวิจัย เขียนนำเสนอในรูปแบบบทความวิชาการ ในการศึกษาชาดกในพระพุทธศาสนาที่ถูกใช้เป็นกรอบในการยกคติธรรมและอธิบายพระพุทธศาสนา โดยในเรื่องจะมีสุนัขเป็นฐานในการอธิบายของเรื่องจริงเรียกว่า “ธรรมะจากปากสุนัข” ที่มีเป้าหมายเพื่อการส่งเสริมจริยธรรมอันส่งผลเป็นพฤติกรรมและจริยธรรมใหม่โดยมีสุนัขมาเป็นตัวเอกของเรื่อง ภายใต้กรอบของ “ธรรมะ” โดยมีสุนัขที่ปรากฏในชาดกเป็นฐานของเรื่อง องค์ความรู้ใหม่ที่ได้รับจากการศึกษาครั้งนี้ คือ ชาดกทั้ง 2 เรื่อง เป็นเรื่องที่เนื่องด้วยสุนัขซึ่งสะท้อนองค์ความรู้โดยมีฐานของปัญญามาเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาอย่างถูกต้องและมีคุณธรรม</p> พระปลัดระพิน พุทฺธิสาโร ดิเรก ด้วงลอย มัลลิกา ภูมะธน ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยวิชาการ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-12-12 2025-12-12 2 4 39 51 การเปรียบเทียบความต้องการการเข้าศึกษาต่อปริญวิชาสื่อสารมวลชนทางการกีฬาของนักเรียนในพื้นที่การศึกษาเขต 10 https://so13.tci-thaijo.org/index.php/jah/article/view/2280 <p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1. เพื่อศึกษาระดับความรู้จักสาขาวิชาสื่อสารมวลชนทางการกีฬาและสถาบันที่เปิดสอน 2. เพื่อเปรียบเทียบระดับความรู้จักสาขาวิชาสื่อสารมวลชนทางการกีฬาและสถาบันที่เปิดสอน 3. เพื่อศึกษาความต้องการและความคาดหวังของนักเรียนที่มีต่อการเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี สาขาวิชาสื่อสารมวลชนทางการกีฬาในด้านการจัดการเรียนการสอน และความคาดหวังต่อแนวทางการเรียนระดับปริญญาตรี ความคาดหวังในการเรียนวิชาชีพ และคาดหวังในการประกอบอาชีพหลังสำเร็จการศึกษา เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ เครื่องมือวิจัย คือ แบบสอบถาม กลุ่มเป้าหมาย คือ นักเรียนมัธยมปลายผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 442 คนจากพื้นที่การศึกษาเขต 10 (สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์) วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการแจกแจงความถี่ ร้อยละ และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว ผลการวิจัยพบว่า เพศต่างกันไม่มีความแตกต่างในการรู้จักสาขาวิชาสื่อสารมวลชนทางการกีฬา โรงเรียนต่างกันรู้จักสาขาวิชาสื่อสารมวลชนทางการกีฬาต่างกัน โดยสมุทรสงครามรู้จักน้อยที่สุด ส่วนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นมหาวิทยาลัยที่รู้จักมากที่สุด (19.53%) ถัดมาเป็นกลุ่มมหาวิทยาลัยเอกชน (17.45%) และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (14.34%) การเรียนแบบภาคปกติเป็นสิ่งที่นักเรียนต้องการมาก (61.54%) รองมาเป็นภาคพิเศษ (5.20%) และเลือกทั้ง 2 รูปแบบ (30.32%) พบผู้เลือกเรียนแบบออนไลน์ไม่ระบุเวลาในระดับมาก ผลวิจัยด้านการศึกษาต่อนักเรียนคาดหวังให้สถาบันอุดมศึกษามีอุปกรณ์เครื่องมือ/ห้องปฏิบัติการที่ทันสมัยมากที่สุด รองลงมา คือ อาจารย์/ผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาชีพเป็นผู้ให้ความรู้และเน้นเรียนปฏิบัติ ส่วนด้านวิชาชีพ คาดหวังเรื่องการถ่ายภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว และการเรียนรู้สื่อใหม่ สื่อมัลติมีเดียและสื่อสังคมออนไลน์มากที่สุด รองมาเป็นโฆษณา ประชาสัมพันธ์ สื่อสารการตลาดบูรณาการ สื่อสารแบรนด์ โดยหลังจากสำเร็จการศึกษา มีความคาดหวังจะเป็นผู้ประกอบการสื่ออิสระมากที่สุด รองลงมาเป็นนักจัดกิจกรรมกีฬา และช่างภาพกีฬา องค์ความรู้จากการวิจัย คือ สาขาวิชาสื่อสารมวลชนทางการกีฬาต้องประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น เพิ่มภาคพิเศษให้เลือกเรียนออนไลน์ การจัดกิจกรรมโดยใช้สื่อใหม่ ปูพื้นฐานวิชาชีพสื่อแก่นักเรียน รวมถึงการเตรียมห้องปฏิบัติการที่ทันสมัย ผู้สอนที่เชี่ยวชาญ และวิชาการประกอบการด้านธุรกิจสื่อเพื่อรองรับอาชีพอิสระหลังจบการศึกษา</p> กาญจนาถ อุดมสุข ศุภกาญจน์ จำเริญรักษ์ จารุวดี แก้วมา ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยวิชาการ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-12-02 2025-12-02 2 4 1 17