การพัฒนาการจัดการเรียนรู้รายวิชาสังคมศึกษา หน่วยการเรียนรู้ประเพณีและวัฒนธรรมไทยโดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค Student Teams Achievement Divisions (STAD) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

ผู้แต่ง

  • ธีรพงษ์ คงบัว
  • จักรี ศรีจารุเมธีญาณ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ

คำสำคัญ:

การจัดการเรียนรู้, วิชาสังคมศึกษา, หน่วยการเรียนรู้, ประเพณีและวัฒนธรรม, การเรียนรู้แบบร่วมมือ

บทคัดย่อ

การพัฒนาการจัดการเรียนรู้รายวิชาสังคมศึกษา หน่วยการเรียนรู้ประเพณีและวัฒนธรรมไทย โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค Student Teams Achievement Divisions (STAD) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีวัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อ 1. ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชาสังคมศึกษา หน่วยการเรียนรู้ประเพณีและวัฒนธรรมไทย โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค Student Teams Achievement Divisions (STAD) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 2. เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังได้รับการเรียนรู้โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค Student Teams Achievement Divisions (STAD) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 3. ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยการเรียนรู้โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค Student Teams Achievement Divisions (STAD) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่กำลังเรียนภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา2567 จำนวน 14 คน โรงเรียนชุมชนบ้านบุ่งคล้าวิทยา อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1. แผนการจัดการเรียนรู้วิชาสังคมศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 3 แผนแผนละ 2 ชั่วโมง รวม 6 ชั่วโมง 2. แบบประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบทดสอบปรนัย ชนิด 3 ตัวเลือกจำนวน 20 ข้อ 4 3. แบบสอบถามความพึงพอใจ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อประสม เป็นมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 10 ข้อ การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยเชิงกึ่งทดลอง (Quasi - Experimental Design) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าสถิติดังนี้ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเยี่ยงเบน มาตรฐาน (Standard Deviation) สถิติทดสอบสมมติฐาน โดยใช้สูตร t - test (Dependent Samples) ผลการวิจัยเรื่องการพัฒนาการจัดการเรียนรู้รายวิชาสังคมศึกษา หน่วยการเรียนรู้ประเพณีและวัฒนธรรมไทย โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค Student Teams Achievement Divisions (STAD) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่า 1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังได้รับการเรียนรู้ ของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค Student Teams Achievement Divisions (STAD) สูงกว่าค่าเฉลี่ยของคะแนนก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาชั้นปีที่ 3 ที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยการเรียนรู้โดยโดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค Student Teams Achievement Divisions (STAD) นักเรียนส่วนใหญ่พึงพอใจในการเรียนด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค Student Teams Achievement Divisions (STAD) อยู่ในระดับมากที่สุด โดยความพึงพอใจมากที่สุด คือ ด้านการวัดผลมีการกำหนดคะแนนอย่างเหมาะสม ได้ค่าเฉลี่ย (x ̅) เท่ากับ 4.88 รองลงมาได้ค่าเฉลี่ยเท่ากัน 3 รายการ คือ มีการใช้สื่อการเรียนรู้ได้สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ มีวิธีสอนที่ช่วยกระตุ้นให้นักเรียนสนใจและติดตาม และรูปแบบของข้อสอบเหมาะสมกับระดับนักเรียนที่ศึกษา ได้ค่าเฉลี่ย (x ̅) เท่ากับ 4.81 รองลงมา คือ ค่าเฉลี่ยเท่ากัน 2 รายการ คือ เนื้อหาที่เรียนเป็นเรื่องที่น่าสนใจ และมีการวางแผนการจัดการเรียนรู้ไว้อย่างเหมาะสม ได้ค่าเฉลี่ย (x ̅) เท่ากับ 4.75 รองลงมา ค่าเฉลี่ยเท่ากัน 3 รายการ คือ เนื้อหาที่เรียนเป็นเรื่องที่นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ นักเรียนได้มีส่วนร่วมในการจัดกระบวนการเรียนรู้ และครูผู้สอนประเมินผลทุกครั้งโดยให้นักเรียนมีส่วนร่วม ได้ค่าเฉลี่ย (x ̅) เท่ากับ 4.69  และอันดับสุดท้าย คือ ครูมีความเป็นกันเองกับนักเรียนขณะจัดกิจกรรม ได้ค่าเฉลี่ย (x ̅) เท่ากับ 4.63 ครั้งนี้พบว่านักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ครั้งนี้อยู่ในเกณฑ์ระดับพึงพอใจมากที่สุด (X ̅ = 4.75)

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 สาระ และ มาตรฐาการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม. กรุงเทพฯ : องค์การรับสงสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.)

กรมวิชาการ. (2546). คู่มือหลักสูตรประถมศึกษา พุทธศักราช 2521 (ฉบับปรับปรุง 2533). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.

จักรพงษ์ ธุระทำ. (2558). การพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.

ชุติมณฑน์ พออามาตย์. (2558). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การสร้างเสริมสขภาพ และการป้องกันโรค กลุ่มสาระการเรียนรู้ขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับเอกสารประกอบการเรียน. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.

พุทธพร มอญขาม. (2555). การพัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเรื่องพลเมืองดีกลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. การค้นคว้าแบบอิสระการศึกษามหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

วรากรณ์ จันทะสิงห์. (2558). การประเมินความแตกต่างประสบการณ์และผลการเรียนรู้ เรื่อง สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนด้วยการจัด การเรียนรู้แบบกล่มร่วมมือเทคนิค STAD กับการจัดการเรียนรู้ปกติ. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.

สุพรรณี มีภูเวียง. (2550). การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูปประกอบเทคนิค STAD กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมเรื่อง วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

สุวิทย์ มูลคํา และอรทัย มูลคํา. (2547). กลยุทธ์การสอนสังเคราะห์. (พิมพ์ครั้งที 2). กรุงเทพฯ: ภาพพิมพ์

สุวิทย์ มูลคํา และอรทัย มูลคํา. (2550). 19 วิธีการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความรู้และทักษะ. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ภาพพิมพ์.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-07-01

รูปแบบการอ้างอิง

คงบัว ธ. ., & ศรีจารุเมธีญาณ จ. (2025). การพัฒนาการจัดการเรียนรู้รายวิชาสังคมศึกษา หน่วยการเรียนรู้ประเพณีและวัฒนธรรมไทยโดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค Student Teams Achievement Divisions (STAD) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3. วารสารครุศาสตร์และการพัฒนามนุษย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ, 1(1), 12–26. สืบค้น จาก https://so13.tci-thaijo.org/index.php/j_EDU/article/view/1651