วารสารดนตรีบ้านสมเด็จฯ https://so13.tci-thaijo.org/index.php/MusBSRU <p> วารสารดนตรีบ้านสมเด็จฯ เป็นวารสารที่รวบรวมผลงานทางวิชาการ งานวิจัย และนวัตกรรมในศาสตร์และศิลป์ทางดนตรี เพื่อเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนความรู้ เผยแพร่องค์ความรู้ ความคิด และทัศนะ รวมถึงความเคลื่อนไหวทางดนตรีในแง่มุมต่าง ๆ ซึ่งบทความที่ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ได้รับการกลั่นกรองจากกองบรรณาธิการและผ่านการตรวจคุณภาพของบทความโดยผู้ทรงคุณวุฒิตรวจสอบบทความ (Peer Reviewer) ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกจากหลากหลายสถาบันอย่างน้อย 3 คน ในรูปแบบที่ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แต่งบทความต้นฉบับ ไม่ทราบชื่อกันและกัน (Double-blinded Review) โดยตีพิมพ์เผยแพร่เป็นราย 6 เดือน (ปีละ 2 ฉบับ) ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม – มิถุนายน และฉบับที่ 2 เดือนกรกฎาคม–ธันวาคม</p> <p><strong>วารสารดนตรีบ้านสมเด็จฯ (</strong><strong>Bansomdej Music Journal)<br /></strong>ISSN 2985-0622 (Online)</p> <p><strong>กำหนดพิมพ์เผยแพร่ ปีละ </strong><strong>2</strong> <strong>ฉบับ <br /></strong> ฉบับที่ 1 มกราคม – มิถุนายน<br /> ฉบับที่ 2 กรกฎาคม – ธันวาคม</p> <p><strong>ค่าธรรมเนียมการเผยแพร่</strong><br /> 3,000 บาท ต่อ 1 บทความ</p> th-TH musicjournal.bsru@gmail.com (วิทยาลัยการดนตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา) musicjournal.bsru@gmail.com (วรินธร สีเสียดงาม) Fri, 25 Jul 2025 00:00:00 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 การจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ดนตรีด้วยทฤษฎี 5 เกลียวรู้ https://so13.tci-thaijo.org/index.php/MusBSRU/article/view/1393 <p>บทความนี้นำเสนอการใช้ “ทฤษฎี 5 เกลียวรู้” ของรองศาสตราจารย์<br />ดร.ณรงค์ชัย ปิฎกรัชต์ โดยมุ่งนำเสนอการอธิบายทฤษฎีดังกล่าวและแนวทาง การนำไปประยุกต์ใช้ในบริบทการศึกษา ทำให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจเนื้อหาดนตรีทั้งในเชิงลึกและระบบ ซึ่งแบ่งเนื้อหาออกเป็น 2 ส่วน คือ ขั้นตอนการเรียนรู้ตามทฤษฎี 5 เกลียวรู้ และการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ดนตรีตามทฤษฎีนี้ ด้วยการยกตัวอย่างประวัติศาสตร์ดนตรีทั้งดนตรีไทยและดนตรีตะวันตก การประยุกต์ใช้ทฤษฎี 5 เกลียวรู้ช่วยให้ผู้เรียนมีความเข้าใจในเนื้อหาดนตรีอย่างลึกซึ้ง และช่วยพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และแสวงหาความรู้ที่เหมาะสมกับบริบทต่างๆ ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปใช้ในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ</p> ฑีฆภัส สนธินุช, จินดามาตร์ มีอาษา, วีระ พันธุ์เสือ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารดนตรีบ้านสมเด็จฯ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so13.tci-thaijo.org/index.php/MusBSRU/article/view/1393 Fri, 25 Jul 2025 00:00:00 +0700 รำโทนกับมรดกทางวัฒนธรรมและ บทบาทในการส่งเสริมสุขภาวะของผู้สูงอายุ https://so13.tci-thaijo.org/index.php/MusBSRU/article/view/1563 <p style="font-weight: 400;">รำโทนเป็นศิลปะพื้นบ้านมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมสุขภาวะของผู้สูงอายุ ทั้งในด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิต และปฏิสัมพันธ์ทางสังคม การเคลื่อนไหวตามจังหวะดนตรีช่วยเสริมสมรรถภาพทางกาย ขณะที่องค์ประกอบทางดนตรีช่วยกระตุ้นสมองและลดความเครียด นอกจากนี้ รำโทนยังช่วยให้ผู้สูงอายุมีส่วนร่วมในชุมชน ลดภาวะโดดเดี่ยว อย่างไรก็ตาม รำโทนยังเผชิญความท้าทายในการอนุรักษ์และถ่ายทอดไปสู่คนรุ่นใหม่ บทความนี้เสนอแนวทางปรับตัวของรำโทนให้เข้ากับยุคสมัย เพื่อให้คงอยู่ในสังคมไทยต่อไป</p> จันทนา คชประเสริฐ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารดนตรีบ้านสมเด็จฯ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so13.tci-thaijo.org/index.php/MusBSRU/article/view/1563 Fri, 25 Jul 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนาดนตรีในบริบทของภาคใต้: วงดุริยางค์เครื่องลมเยาวชนสงขลา https://so13.tci-thaijo.org/index.php/MusBSRU/article/view/1566 <p>การพัฒนาดนตรีภาคใต้ของไทยได้รับอิทธิพลจากบริบททางสังคม วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของพื้นที่ วงดุริยางค์เครื่องลมเยาวชนสงขลาเป็นหนึ่งในตัวอย่างสำคัญของการพัฒนาดนตรีระดับชุมชนที่ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ดนตรี ของเยาวชน ตลอดจนสร้างความเข้มแข็งให้กับเครือข่ายดนตรีท้องถิ่น บทความนี้ มุ่งศึกษากระบวนการพัฒนา บทบาทและผลกระทบของวงดุริยางค์เครื่องลมเยาวชนสงขลาต่อชุมชนในบริบทของดนตรีภาคใต้ รวมถึงบทบาทสำคัญในการพัฒนาทักษะทางดนตรีของเยาวชน โดยมีระบบการฝึกซ้อมและถ่ายทอดความรู้ผ่านกระบวน การเรียนการสอนที่เป็นระบบ นอกจากนี้วงยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการอนุรักษ์และเผยแพร่ดนตรีพื้นบ้านภาคใต้ของไทย โดยการนำเสนอเพลงพื้นบ้านร่วมกับดนตรีร่วมสมัยเพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างดนตรีตะวันออกและดนตรีตะวันตก</p> <p>ในแง่ของผลกระทบต่อชุมชน วงดุริยางค์เครื่องลมเยาวชนสงขลามีบทบาทในการสร้างความสามัคคีและความภาคภูมิใจในท้องถิ่น ผ่านกิจกรรมทางดนตรีที่เปิดโอกาสให้เยาวชนและประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ ทั้งยังช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์และกระตุ้นให้เกิดความสนใจดนตรีมากขึ้น กลุ่มเยาวชนส่งผลให้เกิดความยั่งยืนทางดนตรี บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าการพัฒนาดนตรีในภาคใต้โดยเฉพาะบริบทของวงดุริยางค์เครื่องลมเยาวชนสงขลา ไม่เพียงเป็นการเสริมสร้างศักยภาพของเยาวชนเท่านั้นแต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาวัฒนธรรมดนตรีภาคใต้ของไทย ช่วยสร้างเครือข่ายดนตรีที่แข็งแกร่งและส่งเสริมความยั่งยืนของดนตรีชุมชนในระยะยาว</p> ภูษิต สุวรรณมณี ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารดนตรีบ้านสมเด็จฯ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so13.tci-thaijo.org/index.php/MusBSRU/article/view/1566 Fri, 25 Jul 2025 00:00:00 +0700 ดนตรีกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ : ศักยภาพของอุตสาหกรรมดนตรีในระดับท้องถิ่น https://so13.tci-thaijo.org/index.php/MusBSRU/article/view/1413 <p data-start="16" data-end="719">บทความนี้มุ่งศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างอุตสาหกรรมดนตรีกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยเฉพาะศักยภาพในระดับท้องถิ่น บทความอธิบายถึงห่วงโซ่คุณค่าของอุตสาหกรรมดนตรีใน 3 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ การประพันธ์เพลง การผลิตเพลง และการจัดจำหน่ายเพลง ซึ่งสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ผู้เขียนเสนอกรณีศึกษาตัวอย่างจากเมืองโตรอนโตประเทศแคนาดา และอุตสาหกรรมดนตรีประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการบูรณาการนโยบายภาครัฐและความร่วมมือกับภาคเอกชนในการพัฒนาอุตสาหกรรมดนตรีอย่างเป็นระบบ บทความยังเสนอแนะให้เห็นถึงความท้าทายในอุตสาหกรรมดนตรีการจัดการระบบทรัพย์สินทางปัญญา การสนับสนุนจากภาครัฐ และการพัฒนาศักยภาพบุคลากร เพื่อส่งเสริมให้อุตสาหกรรมดนตรีเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน</p> ณัฐพล เจริญงามวงศ์วาน ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารดนตรีบ้านสมเด็จฯ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so13.tci-thaijo.org/index.php/MusBSRU/article/view/1413 Fri, 25 Jul 2025 00:00:00 +0700 บทวิเคราะห์เพื่อการบรรเลงทรัมเป็ตและเปียโน: เพลงโซนาตาสำหรับทรัมเป็ตและเปียโน ของนักประพันธ์ อีริค อีวาเซน https://so13.tci-thaijo.org/index.php/MusBSRU/article/view/1385 <p>บทเพลงโซนาตาสำหรับทรัมเป็ตและเปียโนถูกประพันธ์ในศตวรรษที่ 20 ด้วยเทคนิคการประพันธ์ที่หลากหลาย อีกทั้งยังเป็นบทประพันธ์ที่ทรัมเป็ต และเปียโนมีความสำคัญโดดเด่นในการบรรเลงเท่า ๆ กัน การวิเคราะห์ศึกษาบทเพลงนี้จึงเป็นการศึกษาเพื่อให้เข้าใจสังคีตลักษณ์ และเทคนิคในการบรรเลง เพื่อ เป็นแนวทางในการบรรเลง โดยแบ่งเนื้อหาในบทความนี้ออกเป็นสองส่วนได้แก่ การวิเคราะห์สังคีตลักษณ์ของบทเพลง และแนวทางการบรรเลง บทเพลงนี้ แบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 ท่อน แต่ละท่อนมีเอกลักษณ์ และอารมณ์ความรู้สึกแตกต่างกันไป ท่อนที่ 1 มีสังคีตลักษณ์แบบโซนาตาอัลเล็กโกร ท่อนที่ 2 มีสังคีตลักษณ์แบบเทอนารี และท่อนที่ 3 มีสังคีตลักษณ์แบบรอนโด ถึงแม้ภายในแต่ละท่อนมีแนวทางการบรรเลงที่แตกต่างกัน แต่มีประเด็นสำคัญคือการบรรเลงประสานร่วมกันของเครื่องดนตรีทั้งสองเนื่องด้วยบทบาทที่สำคัญเท่ากัน การศึกษาบทเพลงนี้จึงเป็นโอกาสในการเข้าใจถึงศิลปะ กลวิธีในการบรรเลง และการทำงานร่วมกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้บทเพลงนี้มีคุณค่าในฐานะผลงานทางดนตรีชิ้นสำคัญ และยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักดนตรีรุ่นใหม่ในการสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพต่อไป</p> จักรพันธ์ ชัยยะ, เรมีย์ นามเทพ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารดนตรีบ้านสมเด็จฯ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so13.tci-thaijo.org/index.php/MusBSRU/article/view/1385 Fri, 25 Jul 2025 00:00:00 +0700 การวิเคราะห์แนวคิดและเทคนิคกีตาร์โซโลในเพลงทอร์นาโดออฟโซลของวงเมกาเดธ: การศึกษาองค์ประกอบและเทคนิคกีตาร์สมัยนิยม https://so13.tci-thaijo.org/index.php/MusBSRU/article/view/952 <p>เพลงนาโดออฟโซลจากวงเมกาเดธ มีท่อนโซโลที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในท่อนบรรเลงเดี่ยวกีตาร์เมทัลที่ยอดเยี่ยมที่สุด ด้วยเทคนิคที่ซับซ้อนและสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ บทความชิ้นนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) วิเคราะห์แนวคิดในการประพันธ์ท่อนโซโล และ 2) วิเคราะห์เทคนิคการปฏิบัติกีตาร์สมัยนิยมที่ใช้ในท่อนโซโล </p> <p>จากการวิเคราะห์แนวคิดในการประพันธ์ท่อนโซโล พบว่าเพลงใช้อัตราจังหวะ 4/4 ในบันไดเสียง B minor มีการใช้คอร์ด สเกล และโมด เช่น อาร์เพจจิโอ ของ B Minor โดยเพิ่มตัวโน้ตที่ 6 (G) และ 9 (C#) รวมถึงการใช้ B โดเรียนโมดอีกทั้งการเลือกใช้โน้ตที่มีกลิ่นไอของเพลงพื้นบ้านประเทศญี่ปุ่น ทำให้เพลงมีความไหลลื่นและมีสีสันเสียงที่น่าสนใจ ส่วนในด้านเทคนิคการปฏิบัติกีตาร์ มีการใช้เทคนิคการดันสายเฉพาะตัวของมาร์ตี ฟรีดแมนโดยการดันสายครึ้งเสียงสั่น ๆ 1 ครั้ง ก่อนที่จะดันสายอีกครั้งเพื่อลากเสียงยาว ช่วยสร้างสรรค์สําเนียงที่แปลกใหม่ และการผสมผสานเทคนิคการเล่นอย่างมีประสิทธิภาพเช่น การดีดสลับ การดีดแบบประหยัด การกวาดสาย การดันสาย การข้ามสาย และการสไลด์ ทำให้ท่อนบรรเลงเดี่ยวมีความซับซ้อนและท้าทายต่อการปฏิบัติ โดดเด่นด้วยการเลือกใช้โน้ตที่มีกลิ่นไอของเพลงพื้นบ้านประเทศญี่ปุ่น และเทคนิคการดันสายสไตล์เฉพาะตัวที่เป็นเอกลักษณ์ของมาร์ตี ฟรีดแมน</p> เวธน์ อารีพรพิมล, มนสิการ เหล่าวานิช ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารดนตรีบ้านสมเด็จฯ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so13.tci-thaijo.org/index.php/MusBSRU/article/view/952 Fri, 25 Jul 2025 00:00:00 +0700 กระบวนการจัดการเรียนการสอนมาริมบาสำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ในสถาบันอุดมศึกษาเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล https://so13.tci-thaijo.org/index.php/MusBSRU/article/view/1395 <p>งานวิจัยเรื่อง กระบวนการจัดการเรียนการสอนมาริมบาสำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ในสถาบันอุดมศึกษาเขตกรุงเทพมหานครและปริมลฑล เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษากระบวนการจัดการเรียนการสอนมาริมบาสำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ในสถาบันอุดมศึกษาเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยการสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยจำนวน 2 กลุ่ม ได้แก่ อาจารย์ผู้สอนและตัวแทนนักศึกษาชั้นปีที่ 1 จำนวนกลุ่มละ 10 คน โดยการเก็บข้อมูลผ่านการสัมภาษณ์เชิงลึก</p> <p>จากการศึกษากลุ่มตัวอย่างอาจารย์ผู้สอน พบว่าด้านการเตรียมการสอน อาจารย์ผู้สอนคำนึงถึงความแตกต่างด้านพื้นฐานของผู้เรียนเป็นสำคัญและวางแผนพัฒนาทักษะเฉพาะรายบุคคล กระบวนการสอนส่วนใหญ่เป็นการสอนแบบตัวต่อตัว มุ่งเน้นการฝึกฝนเทคนิคพื้นฐานเช่น การควบคุมน้ำหนัก การอ่านโน้ต การวิเคราะห์บทเพลงปัญหาหลักที่พบคือจำนวนมาริมบาที่ไม่เพียงพอ จึงได้แก้ไขด้วยการจัดตารางฝึกซ้อมและผู้เรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียนเอง รวมถึงการเลือกบทเพลง ที่อาจารย์ผู้สอนให้อิสระแก่ผู้เรียนโดยประกอบกับการพิจารณาเทคนิคตาม ความเหมาะสมของผู้สอน ด้านสื่อมีการใช้สื่อออนไลน์และแบบฝึกหัดที่มีความจำเป็น</p> <p>ต่อผู้เรียน เพื่อพัฒนาจุดบกพร่องด้านทักษะของผู้เรียนที่มีความแตกต่างกันให้ดียิ่งขึ้น ด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ พบว่า ผู้สอนมีการพิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียนเป็นสำคัญ และการแสดงบทเพลงของผู้เรียนเป็นหลัก</p> <p> จากการศึกษากลุ่มตัวอย่างของผู้เรียน มีแนวทางพัฒนาทักษะที่เน้นการแก้ไขจุดบกพร่องการทบทวนพื้นฐานและการฝึกเทคนิคเฉพาะ โดยผู้เรียนให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้าน Stroke ในการควบคุมไม้ (Stick Control) ไดนามิก (Dynamic) การเคลื่อนไหว (Motion) และการสื่อสารอารมณ์ผ่านบทเพลง พร้อมกับการฝึกซ้อมที่มีเป้าหมายชัดเจน นอกจากนี้ผู้เรียนยังใช้การประเมินตนเองโดยการบันทึกการซ้อมเพื่อนำมาวิเคราะห์ข้อผิดพลาด การปรึกษาผู้สอนเป็นประจำ เพื่อให้ได้รับคำแนะนำในการปรับปรุงทักษะ ส่วนปัญหาหลักที่พบได้แก่การควบคุมกล้ามเนื้อและน้ำหนักมือที่ไม่สม่ำเสมอ ปัญหาการอ่านและเขียนโน้ตที่ส่งผลต่อการเรียนรู้บทเพลงความไม่สม่ำเสมอในการฝึกซ้อมเนื่องจากข้อจำกัดด้านเวลาและภาระงาน</p> สุขสันต์ ชัยประเสริฐ, ณัฐศรัณย์ ทฤษฎิคุณ, วรินธร สีเสียดงาม ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารดนตรีบ้านสมเด็จฯ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so13.tci-thaijo.org/index.php/MusBSRU/article/view/1395 Fri, 25 Jul 2025 00:00:00 +0700 การสร้างชุดฝึกทักษะการบรรเลงกีตาร์คลาสสิกโดยใช้ดนตรีประกอบ สำหรับนักเรียนโรงเรียนดนตรี SIIX Studio https://so13.tci-thaijo.org/index.php/MusBSRU/article/view/1533 <p>งานวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างชุดฝึกทักษะการบรรเลงกีตาร์คลาสสิกโดยใช้ดนตรีประกอบสำหรับนักเรียนโรงเรียนดนตรี SIIX Studio 2) ศึกษาประสิทธิภาพของชุดฝึกทักษะ และเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนทางด้านปฏิบัติกีตาร์คลาสสิกก่อน และหลังเรียนจากการใช้ชุดฝึกทักษะการบรรเลงกีตาร์คลาสสิกโดยใช้ดนตรีประกอบสำหรับนักเรียนโรงเรียนดนตรี SIIX Studio และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อการใช้ชุดฝึกทักษะการบรรเลงกีตาร์คลาสสิกโดยใช้ดนตรีประกอบสำหรับนักเรียนโรงเรียนดนตรี SIIX Home Studio</p> <p>จากผลการวิจัยพบว่า ชุดฝึกทักษะมีการแบ่งออกเป็น 3 หน่วยการเรียนรู้ ได้แก่ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ประเภท ส่วนประกอบของกีตาร์คลาสสิก อัตราจังหวะ (Time signature) การดีดโน้ตพื้นฐาน และการกดนิ้วพื้นฐาน 3 ช่องแรก หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การดีดโน้ตคู่ และเทคนิคการบรรเลงกีตาร์คลาสสิก หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การบรรเลงบทเพลง Minuet in G และมีแบบฝึกหัดย่อยจำนวน 9 แบบฝึกหัด ประกอบด้วย โน้ตเพลงแบบฝึกหัด ภาพสาธิตการบรรเลง และดนตรีประกอบการบรรเลง ผลการศึกษาประสิทธิภาพของชุดแบบฝึกทักษะ พบว่า มีค่าเฉลี่ยร้อยละ84.33/80.50 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานตามที่งานวิจัยได้กำหนดไว้คือร้อยละ 80/80 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ก่อนและหลังเรียนด้วยการใช้ชุดฝึกทักษะ พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.5 ผลการศึกษาความพึงพอใจต่อการใช้ชุดฝึกทักษะ พบว่า กลุ่มตัวอย่าง มีความพึงพอใจในภาพรวมต่อการใช้ชุดฝึกทักษะอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.6)</p> วันเฉลิม มีตำเนิน, ณัฐศรัณย์ ทฤษฎิคุณ, วรินธร สีเสียดงาม ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารดนตรีบ้านสมเด็จฯ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so13.tci-thaijo.org/index.php/MusBSRU/article/view/1533 Fri, 25 Jul 2025 00:00:00 +0700 การสร้างสรรค์ผลงานทางดุริยางคศิลป์: นิทานอิหร่านราชธรรม https://so13.tci-thaijo.org/index.php/MusBSRU/article/view/1392 <p>การสร้างสรรค์ผลงานทางดุริยางคศิลป์: นิทานอิหร่านราชธรรม เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ มีวัตถุประสงค์ในการวิจัยคือ 1. เพื่อศึกษานิทานอิหร่านราชธรรม 2. เพื่อสร้างสรรค์ผลงานทางดุริยางคศิลป์: อิหร่านราชธรรม 3. เพื่อวิเคราะห์องค์รวมของผลงานสร้างสรรค์ทางดุริยางคศิลป์: อิหร่านราชธรรม และ 4. เพื่อสร้างองค์ความรู้ในการสร้างสรรค์และการประพันธ์เพลง โดยเฉพาะหลักการประพันธ์เพลงไทยสำเนียงภาษาเปอร์เซียซึ่งยังไม่เคยปรากฏในเพลงไทย</p> <p>ผลการวิจัย พบว่า 1) นิทานอิหร่านราชธรรมเป็นวรรณกรรมไทยในสมัยอยุธยาที่ได้รับอิทธิพลจากวรรณกรรมเปอร์เซีย 4 เรื่อง คือ 1. คุลิสตาน 2. นะคีฮัต อัล มุลูก 3. ชาร์นาเมห์ และ 4. บูสตาน เนื้อเรื่องว่าด้วยความทรงธรรมของกษัตริย์ 12 เรื่อง สอดแทรกแง่คิดและคติธรรมในการปกครองบ้านเมืองรวมทั้งยังสามารถประยุกต์ใช้ต่อการดำรงชีวิตประจำได้ 2) ในส่วนของผลงานทางดุริยางคศิลป์: นิทานอิหร่านราชธรรมที่สร้างสรรค์ขึ้น ประพันธ์แบบอัตโนมัติโดยไร้ซึ่งเพลงต้นรากอย่างเพลงไทยสำเนียงเปอร์เซีย มีทั้งสิ้น 12 เพลง และทำนองเชื่อมสำเนียงไทย 11 ทำนอง สื่อความถึงนิทานอิหร่านราชธรรมตั้งแต่ต้นจนจบจากการตีความผ่านบุคคลที่ปรากฏชื่อในนิทานแต่ละเรื่องรวมทั้งคติธรรมอันเป็นสาระสำคัญในนิทานแต่ละเรื่องตามจินตนาการและประสบการณ์ทางด้านดนตรีของผู้วิจัย 3) องค์รวมของงานสร้างสรรค์นี้อยู่ในสำเนียงอาหรับและเปอร์เซีย 4) การประพันธ์เพลงไทยสำเนียงเปอร์เซียประกอบด้วยสัดส่วนทำนองอันหลากหลายตลอดบทเพลง ได้แก่ สัดส่วนทำนอง 2/4, 4/4, 8/8, 12/8, 3/4 และ 6/8 บนฐานแนวคิดสำคัญในการสร้างสำเนียงเปอร์เซีย คือ 1. การเคลื่อนที่ของเสียงอย่างชิดติดกัน เพื่อสื่อถึงกลิ่นอายความเป็นเปอร์เซีย 2. ดำเนินทำนองในลักษณะบังคับทางเพื่อเอื้อต่อการด้นสด 3. ใช้สัดส่วนจังหวะที่หลากหลายในบทเพลง โดยเฉพาะ 3/4 4/4 และ 6/8 ซึ่งเป็นสัดส่วนจังหวะที่นิยมในดนตรีเปอร์เซียแบบดั้งเดิม 4. ร้อยเรียงทำนองให้มีการกระตุกและหยุดชะงักของจังหวะ เพื่อสื่อถึงลักษณะการเคลื่อนที่ของเพลงเปอร์เซียแบบดั้งเดิม 5. ใช้การเอื้อนหางเสียง 3 เสียงในวิถีการเคลื่อนเสียงจากเสียงหลักไปยังวิถีขึ้นไปลงและหักกลับไปยังขึ้นและกลับมาลงอย่างรวดเร็วด้วยการตวัดปลายเสียงกลับมาที่เสียงหลักดังเดิม 6. ใช้ประสบการณ์จากการฟังเพลงเปอร์เซียรวมถึงเพลงในวัฒนธรรมร่วมเอเชียตะวันออกกลางอย่างดั้งเดิมให้มาก ตกแต่งทำนองให้มีสำเนียงเปอร์เซียตามจินตนาการและประสบการณ์ของผู้วิจัย</p> วงศ์วสันต์ วสันตสุรีย์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารดนตรีบ้านสมเด็จฯ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so13.tci-thaijo.org/index.php/MusBSRU/article/view/1392 Fri, 25 Jul 2025 00:00:00 +0700 ส่วนหน้าของวารสาร https://so13.tci-thaijo.org/index.php/MusBSRU/article/view/2529 <p>ส่วนหน้าของวารสาร</p> วิทยาลัยการดนตรี ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so13.tci-thaijo.org/index.php/MusBSRU/article/view/2529 Fri, 25 Jul 2025 00:00:00 +0700 การส่งผ่านความรู้จังหวะรองเง็งบนกลองชุดเชิงสร้างสรรค์ https://so13.tci-thaijo.org/index.php/MusBSRU/article/view/1384 <p>งานวิจัยสร้างสรรค์เรื่องนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาองค์ประกอบของจังหวะดนตรีรองเง็ง 2) เพื่อสร้างสรรค์จังหวะรองเง็งบนกลองชุด และ 3) เพื่อศึกษาระดับความพึงพอใจของนักศึกษาในนำการสร้างสรรค์จังหวะรองเง็งบนกลองชุดมาบูรณาการกับการเรียนการสอนวิชากลองชุด ผู้วิจัยศึกษาข้อมูลของจังหวะรองเง็งพื้นบ้านภาคใต้ โดยคัดเลือก 5 จังหวะ คือ จังหวะโยเก็ต จังหวะอีนัง จังหวะซัมเป็ง จังหวะรุมบ้า และจังหวะอัสลีโดยทำการวิเคราะห์องค์ประกอบ และรูปแบบลีลาจังหวะ โดยมีระเบียบวิธีวิจัยสร้างสรรค์โดยนำองค์ความรู้จากการสร้างสรรค์ไปบูรณาการกับวิชากลองชุด และวัดระดับความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาวิชาเอกกลองชุด ในสาขาวิชาดุริยางคศิลป์ตะวันตก จำนวน 12 คน</p> <p>จากนั้นผู้วิจัยศึกษาองค์ประกอบจังหวะโยเก็ต และจังหวะอินังเครื่องหมายกำหนดอัตราจังหวะ 2/4 จังหวะรุมบ้า จังหวะอัสลี และจังหวะซัมเป็งเครื่องหมายกำหนดอัตราจังหวะ 4/4 โดยทำการสร้างสรรค์จากแนวคิดทางดนตรีในจังหวะลาตินซึ่งเป็นการแยกประสาท และการใช้จังหวะฟังก์บนกลองสแนร์ที่มือซ้าย ซับซ้อน มีความลื่นไหล แข็งแกร่ง กระชับ และให้เน้นหนักในจังหวะ 2&amp;4 และผลของแบบสอบถามความพึงพอใจกับการเรียนการสอนวิชากลองชุดจากนักศึกษา มีระดับความพึงพอใจมากที่สุด 3 ด้านคือ ด้านโน้ตสกอร์ของจังหวะบนกลองชุดมีการมองเห็นได้ชัดเจน ด้านระยะเวลาในการบูรณาการกับการเรียนการสอน และด้านสถานที่จัดกิจกรรมมีความเหมาะสม คิดเป็นร้อยละ 100 และมีค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.000</p> สิทธิโชค กบิลพัตร ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารดนตรีบ้านสมเด็จฯ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so13.tci-thaijo.org/index.php/MusBSRU/article/view/1384 Fri, 25 Jul 2025 00:00:00 +0700