https://so13.tci-thaijo.org/index.php/LANNA/issue/feed
Lanna Academic Journal of Social Science
2025-08-28T13:45:12+07:00
รศ.ดร. บุญฑวรรณ วิงวอน
graduate.lit.lp@gmail.com
Open Journal Systems
<p><strong>Lanna Academic Journal of Social Science :</strong> ของวิทยาลัยอินเตอร์เทคลำปาง มีนโยบายในการส่งเสริมผลงานวิชาการ บทความ และงานวิจัยทางด้านสังคม กล่มเป้าหมาย นักวิจัย นักวิชาการ นักเขียนอิสระ คณาจารย์ นิสิต นักศึกษา การประเมินคุณภาพบทความ<strong>ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญ และเป็นบุคคลภายนอกจากหลากหลายสถาบัน จำนวน 3 ท่าน/บทความ</strong> โดยผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เขียนจะไม่ทราบข้อมูลของกันและกัน (Double-blind peer review)</p> <p><strong>ISSN :</strong> <span class="OYPEnA text-decoration-none text-strikethrough-none">3056-9648 (Online)</span></p> <p><strong>ภาษาที่ตีพิมพ์: </strong>ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ</p> <p><strong>กำหนดตีพิมพ์: </strong>จำนวน 3 ฉบับต่อปี </p> <p>ฉบับที่ 1 เดือน มกราคม - เมษายน (เผยแพร่ เดือน พฤษภาคม)</p> <p>ฉบับที่ 2 เดือน พฤษภาคม-สิงหาคม (เผยแพร่ เดือน กันยายน)</p> <p>ฉบับที่ 3 เดือน กันยายน - ธันวาคม (เผยแพร่ เดือน มกราคม)</p> <p><strong>เจ้าของวารสาร: </strong>วิทยาลัยอินเตอร์เทคลำปาง</p> <p><strong>วัตถุประสงค์</strong></p> <ol> <li>เพื่อเป็นศูนย์การแลกเปลี่ยนเรียนรู้และวิทยาการสมัยใหม่ในรูปแบบการนำเสนอบทความวิจัยหรือบทความวิชาการของนักศึกษา นักวิชาการทั้งภายในและภายนอกวิทยาลัยอินเตอร์เทคลำปาง</li> <li>เพื่อเป็นช่องทางในการพัฒนาศักยภาพและทักษะการผลิตผลงานทางวิชาการ การค้นคว้าวิจัย รวมถึงการบริการวิชาการเผยแพร่ผลงานสู่สาธารณชน</li> <li>เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้นักวิจัย นักวิชาการ นักเขียนอิสระ คณาจารย์ นิสิต นักศึกษา ได้เผยแพร่บทความวิชาการ และงานวิจัย</li> <li>เพื่อเป็นแหล่งการศึกษาค้นคว้าข้อมูล แลกเปลี่ยนเรียนรู้และวิทยาการทางสังคมให้กับนิสิต นักศึกษา คณาจารย์ มหาวิทยาลัย ชุมชน ประชาชนผู้มีความสนใจ ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน</li> </ol> <p><strong>ประเภทของบทความวิจัยและวิชาการที่เปิดรับ</strong></p> <ol> <li><strong>ด้านบริหารธุรกิจ</strong> เช่น การจัดการ การตลาด โลจิสติกส์และซัพพลายเชน การผลิตและการดำเนินงาน บริหารทรัพยากรมนุษย์ ผู้ประกอบการและการสร้างธุรกิจใหม่ ธุรกิจบริการ นวัตกรรมการจัดการ คอมพิวเตอร์ธุรกิจ สารสนเทศเพื่อการจัดการ พฤติกรรมองค์การ ธุรกิจระหว่างประเทศ การจัดการธุรกิจดิจิทัล บริหารจัดการภาครัฐ สหวิทยการ</li> <li><strong>ด้านการบัญชี</strong> การเงิน การธนาคาร เศรษฐศาสตร์ ฯลฯ </li> <li><strong>ด้านสังคมศาสตร์</strong> เช่น นิเทศศาสตร์ สื่อสารมวลชน การท่องเที่ยว การโรงแรม การจัดการอสังหาริมทรัพย์ รัฐประศาสนศาสตร์ ฯลฯ</li> <li><strong>ด้านบริการการศึกษา</strong> เช่น หลักสูตรและการเรียนการสอน ภาวะผู้นำทางการศึกษา การจัดการเทคโนโลยีทางการศึกษา </li> </ol> <p><strong>ค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์</strong></p> <p><em>" ไม่มีค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์บทความ"</em></p> <p><em>.........................................</em></p>
https://so13.tci-thaijo.org/index.php/LANNA/article/view/1884
แนวทางการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนอย่างยั่งยืน: กรณีศึกษา กลุ่มแปรรูปข้าวและผลไม้น่าน
2025-05-06T10:30:12+07:00
ศรวัสย์ สมสวัสดิ์
sorrawat.somsawat@gmail.com
ธนโชค ธิเขียว
Thanachoktikeaw@gmail.com
เจนนภนต์ ภาคภูมิ
Thanachoktikeaw@gmail.com
<p>การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาบริบทของวิสาหกิจชุมชน 2) ศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงาน และ 3) ศึกษาแนวทางการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนอย่างยั่งยืน กรณีศึกษา กลุ่มแปรรูปข้าวและผลไม้น่าน เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ การเก็บรวบรวมข้อมูลได้จากกลุ่มผู้ให้ข้อมูลหลัก โดยคัดเลือกแบบเจาะจง จำนวน 15 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ แบบสัมภาษณ์เชิงลึก การสนทนากลุ่มและการสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหาแล้วนำเสนอข้อมูลเชิงพรรณนา ผลการวิจัยพบว่า วิสาหกิจชุมชนก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2555 โดยดำเนินธุรกิจใน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1) ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากปลา 2) ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวและธัญญพืช และ 3) ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผลไม้ สำหรับปัญหาและอุปสรรค ได้แก่ สมาชิกขาดความรู้ในด้านการตลาดออนไลน์ และต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น แนวทางในการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนอย่างยั่งยืนใน 6 ด้าน ดังนี้ 1) ด้านการบริหารจัดการองค์กร 2) ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม 3) ด้านการตลาดและการเข้าถึงตลาด 4) ด้านการพัฒนาศักยภาพสมาชิก 5) ด้านการยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ และ 6) ด้านความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม กลุ่มแปรรูปข้าวและผลไม้น่านสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อสร้างความยั่งยืนของวิสาหกิจชุมชนทำให้มีรายได้ให้กับสมาชิกและคนในชุมชนเป็นการช่วยเหลือชุมชน หากวิสาหกิจมีผลกำไรจากการดำเนินงานก็จะเพิ่มขีดความสามารถของชุมชนให้พึ่งพาตนเองและจัดการตนเองได้บนพื้นฐานของความพอเพียง</p>
2025-08-28T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Lanna Academic Journal of Social Science
https://so13.tci-thaijo.org/index.php/LANNA/article/view/2307
แนวทางการบริหารสถานศึกษาเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่คาดหวังตามเป้าหมาย (SMART Goals): กลุ่มโรงเรียนบางละมุง 3 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 3
2025-07-08T15:29:54+07:00
กรองกาญจน์ ชูฤทธิ์
krongkarn.churit@gmail.com
ปิยะนาถ บุญมีพิพิธ
krongkarn.churit@gmail.com
<p>การค้นคว้าอิสระมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ของการบริหารสถานศึกษาเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่คาดหวังตามเป้าหมาย (SMART Goals) 2) หาแนวทางการบริหารสถานศึกษาเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่คาดหวังตามเป้าหมาย (SMART Goals) และ 3) ประเมินความเหมาะสมและความเป็นไปได้กลุ่มโรงเรียนบางละมุง 3 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 3 จากกลุ่มตัวอย่าง 161 คน คือ ผู้บริหาร และครูในกลุ่มโรงเรียนบางละมุง 3 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 3 เครื่องมือ คือ แบบสอบถาม และใช้สถิติพรรณาวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน </p> <p>ผลการศึกษาพบว่า สภาพปัจจุบันของการบริหารสถานศึกษาอยู่ในระดับมาก สภาพที่พึงประสงค์อยู่ในระดับมากที่สุด และแนวทางการบริหารสถานศึกษาเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่คาดหวังตามเป้าหมาย (SMART Goals) ประกอบด้วย 1) การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของครู บุคลากร ผู้เรียน ผู้ปกครอง และชุมชน ในการกำหนดเป้าหมาย วางแผน และดำเนินงานด้านวิชาการ 2) การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของครู บุคลากร ผู้เรียน ผู้ปกครอง และชุมชน ในการกำหนดเป้าหมาย วางแผน และดำเนินงานด้านการบริหารงานงบประมาณ และ 3) การส่งเสริมวัฒนธรรม การเรียนรู้ตลอดชีวิตของครูและนักเรียน สนับสนุนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้</p>
2025-08-28T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Lanna Academic Journal of Social Science
https://so13.tci-thaijo.org/index.php/LANNA/article/view/1599
รูปแบบการส่งเสริมผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ชุมชนสู่วิสาหกิจเพื่อสังคม ภายใต้แนวคิดผลิตภัณฑ์ลำปางแบรนด์
2025-05-06T09:06:54+07:00
ขจรศักดิ์ วงศ์วิราช
aj.koorpai2@gmail.com
เนตรดาว หลวงใหญ่
Aj.Koorpai@gmail.com
อัจฉรา เมฆสุวรรณ
Aj.Koorpai@gmail.com
อัญธิชา รุ่งแสง
Aj.Koorpai@gmail.com
เกศนีย์ สัตตรัตนขจร
Aj.Koorpai@gmail.com
สนธิญา สุวรรณราช
Aj.Koorpai@gmail.com
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) นำเสนอรูปแบบการส่งเสริมผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ชุมชนสู่การเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม จังหวัดลำปาง และ 2) นำเสนอแพลตฟอร์มการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ชุมชนในจังหวัดลำปาง เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ กลุ่มเป้าหมายแบบเจาะจงจากผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่จังหวัดลำปาง ชมรม/สมาคมผู้ประกอบการในจังหวัดลำปาง และตัวแทนหน่วยงานภาครัฐ จังหวัดลำปาง รวมจำนวน 50 ตัวอย่าง โดยใช้การสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้างและการประชุมกลุ่มย่อย เพื่อเป็นเครื่องมือในการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการส่งเสริมผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ชุมชนสู่การเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม จังหวัดลำปาง ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบสำคัญคือ 1) การทบทวนจุดมุ่งหมายธุรกิจของตนเอง 2) การประเมินศักยภาพการประกอบการ 3) ปรับมุมมองสู่การเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม และ 4) เปลี่ยนบทบาทจากธุรกิจสู่วิสาหกิจเพื่อสังคม ส่วนแพลตฟอร์มการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ชุมชนในจังหวัดลำปาง แพลตฟอร์มมีองค์ประกอบของภาพ 3 มิติที่ผู้บริโภคสามารถสร้างประสบการณ์ร่วมกับการเลือกซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ และมีการให้รายละเอียดที่ครบถ้วนผ่านการนำเสนอภาพเสมือนจริง เพื่อสร้างการรับรู้และการเข้าถึงสำหรับผลิตภัณฑ์ชุมชนภายใต้แนวคิดลำปางแบรนด์</p>
2025-08-28T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Lanna Academic Journal of Social Science
https://so13.tci-thaijo.org/index.php/LANNA/article/view/2250
การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบเกมเป็นฐานเพื่อส่งเสริมความรู้ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืนสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านบุพราหมณ์
2025-06-19T09:42:20+07:00
สิรวิชญ์ ธาดาบดินทร์
sirawitch1692@gmail.com
พลกฤต นาสร้อย
sirawitch1692@gmail.com
รัตนา พันทอง
sirawitch1692@gmail.com
พรรณปพร ทรัพย์คง
sirawitch1692@gmail.com
<p>การวิจัยมีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อหาความเหมาะสมของแผนการจัดการเรียนรู้การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและ การพัฒนาที่ยั่งยืน (2) เพื่อพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบเกมเป็นฐานเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืนให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 และ (3) เพื่อสำรวจความพึงพอใจในการเรียนรู้ของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1 โรงเรียนบ้านบุพราหมณ์ จำนวน 30 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเฉพาะเจาะจง วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนาเพื่อหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ค่าประสิทธิภาพตามเกณฑ์ E1/E2</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า (1) แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยภาพรวมมีความเหมาะสมระดับมากที่สุด (2) ผลการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบเกมเป็นฐานเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1 เท่ากับ 88.13/88.67 และ (3) ความพึงพอใจในการเรียนรู้ของนักเรียนที่มีการเรียนรู้ผ่านชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยภาพรวมระดับมากที่สุด ฉะนั้น ชุดกิจกรรมที่พัฒนาขึ้นนี้มีประสิทธิภาพสูงและสร้างความพึงพอใจให้กับผู้เรียนได้จริง สามารถนำไปประยุกต์ใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ในบริบทอื่นได้</p>
2025-08-28T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Lanna Academic Journal of Social Science
https://so13.tci-thaijo.org/index.php/LANNA/article/view/2269
แนวทางการบริหารกิจการนักเรียนกลุ่มโรงเรียนบางละมุง 3 สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 3
2025-06-19T09:45:55+07:00
สารี่ วิใจยา
kojingzh@gmail.com
ปิยะนาถ บุญมีพิพิธ
kojingzh@gmail.com
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ของการบริหารกิจการนักเรียนกลุ่มโรงเรียนบางละมุง 3 และ 2) เพื่อเสนอแนวทางการบริหารกิจการนักเรียนกลุ่มโรงเรียนบางละมุง 3 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 3 กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้บริหาร จำนวน 16 คน และครู จำนวน 159 คน รวมจำนวน 175 คน คือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ความต้องการจำเป็นด้วย PNI <sub>modified </sub><sub> </sub>และกำหนดแนวทางการบริหารกิจการนักเรียนด้วยวิธีวิเคราะห์เนื้อหา ผลการศึกษาพบว่า สภาพปัจจุบันของการบริหารกิจการนักเรียน อยู่ในระดับมาก สภาพที่พึงประสงค์อยู่ในระดับมากที่สุด และแนวทางการบริหารกิจการนักเรียนกลุ่มโรงเรียนบางละมุง 3 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 3 ประกอบด้วย 6 แนวทาง 1) การวางแผนงานกิจการนักเรียน 2) การบริหารงานกิจการนักเรียน 3) การส่งเสริมพัฒนาให้นักเรียนมีวินัย คุณธรรม จริยธรรม 4) การดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน 5) การดำเนินการส่งเสริมประชาธิปไตยในโรงเรียน และ 6) การประเมินผลการดำเนินงานกิจการนักเรียน</p>
2025-08-28T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Lanna Academic Journal of Social Science
https://so13.tci-thaijo.org/index.php/LANNA/article/view/2555
การรับรู้ศักยภาพและภาพลักษณ์การท่องเที่ยวที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ ของอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย
2025-08-04T13:54:26+07:00
รวัฒน์ มันทรา
rawat.man@lru.ac.th
วัสสิการ์ ทะภา
rawat.man@lru.ac.th
สุมินตรา เสนานุช
rawat.man@lru.ac.th
เดือนเต็ม แสงขาว
rawat.man@lru.ac.th
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาการรับรู้ศักยภาพการท่องเที่ยวอำเภอเชียงคาน 2) ศึกษาการรับรู้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวอำเภอเชียงคาน ในมุมมองของนักท่องเที่ยวชาวไทย และ 3) เปรียบเทียบการรับรู้ศักยภาพและการรับรู้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวอำเภอเชียงคาน จำแนกตามเพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้เฉลี่ยต่อเดือน กลุ่มตัวอย่างคือ นักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางมาท่องเที่ยวอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ในปี พ.ศ. 2566 โดยใช้วิธีการสุ่มแบบเจาะจงและใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติพรรณาวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบงมาตรฐาน และการทดสอบ t test, F-test, ANOVA </p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) นักท่องเที่ยวชาวไทยมีการรับรู้ศักยภาพการท่องเที่ยวอำเภอเชียงคานในภาพรวมระดับมากที่สุด โดยเรียงจากมากไปหาน้อยคือ ด้านการดึงดูดใจของแหล่งท่องเที่ยว รองลงมา คือ ด้านการจัดการของแหล่งท่องเที่ยว และด้านการรองรับของแหล่งท่องเที่ยว 2) การรับรู้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวอำเภอเชียงคาน ในภาพรวมอยู่ระดับมากที่สุด โดยเรียงจากมากไปหาน้อยคือ ด้านแหล่งท่องเที่ยวและสิ่งดึงดูด รองลงมาคือ ด้านร้านอาหารและบริการ ด้านร้านจำหน่ายสินค้าและของที่ระลึก และด้านโรงแรมที่พัก 3) นักท่องเที่ยวชาวไทยที่มีเพศ อาชีพ และรายได้เฉลี่ยต่อเดือนแตกต่างกัน มีการรับรู้ศักยภาพและภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของอำเภอเชียงคานไม่แตกต่างกัน และนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มีอายุและระดับการศึกษาแตกต่างกัน มีการรับรู้ศักยภาพและภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของอำเภอเชียงคานแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05</p>
2025-08-28T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Lanna Academic Journal of Social Science