https://so13.tci-thaijo.org/index.php/DRUEDJ <p>วารสารครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี รับพิจารณาตีพิมพ์บทความวิจัย และบทความวิชาการด้านการศึกษา ได้แก่ การศึกษาปฐมวัย สังคมศึกษา ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์ทั่วไป คณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ศึกษา พลศึกษา หลักสูตรและการสอน บริหารการศึกษา การวัดและประเมินผลการศึกษา นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา จิตวิทยาการศึกษาและการแนะแนว การศึกษาพิเศษ และสาขาที่เกี่ยวข้องด้านการศึกษา</p> th-TH <p>บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี</p> <p>ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี และคณาจารย์ท่านอื่น ๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเอง</p> [email protected] (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วาสนา สังข์พุ่ม ) [email protected] (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วรรณนภา โพธิ์ผลิ) Fri, 30 Jun 2023 00:00:00 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 https://so13.tci-thaijo.org/index.php/DRUEDJ/article/view/105 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสาน SPECPA Model 2) เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาฟิสิกส์ 4 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อรูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสาน SPECPA Model กลุ่มตัวอย่างในการศึกษาคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 แผนการเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ จำนวน 40 คน โรงเรียนคงทองวิทยา โดยใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง (purposive sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ บทเรียนออนไลน์แผนการจัดการเรียนรู้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานผลการวิจัยพบว่า 1. รูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสาน SPECPA สอดคล้องหลักการทำงานของวงจรคุณภาพ PDCA ผสมผสานกับการเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านระบบออนไลน์และออนไซต์พบว่า ประสิทธิภาพของรูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสาน SPECPA Model มีค่าเท่ากับ (E1/E2) คือ 75.08/75.50 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ที่ 75/75 2. ค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสาน SPECPA Model มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 86.08 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 12.01 โดยมีนักเรียนที่ได้ผลการเรียนระดับดีขึ้นไปจำนวน 37 คนจากนักเรียน 40 คน คิดเป็นร้อยละ 92.50 สูงกว่าเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนดไว้ 3. ความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนด้วยรูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสาน SPECPA Model โดยภาพรวมพบว่ามีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.61 แสดงว่านักเรียนมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสาน SPECPA Model อยู่ในระดับมากที่สุด</p> อภิชาติ เหลืองเพิ่มสกุล Copyright (c) 2023 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so13.tci-thaijo.org/index.php/DRUEDJ/article/view/105 Fri, 30 Jun 2023 00:00:00 +0700 https://so13.tci-thaijo.org/index.php/DRUEDJ/article/view/108 <p>การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนราษฎร์บำรุงศิลป์ โดยใช้วิธีจัดการเรียนการสอนแบบสะเต็มศึกษา เรื่องบันจีจัมป์และประเมินเจตคติที่มีต่อการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์แบบสะเต็มศึกษา โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 38 คน ที่ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (cluster sampling) และเครื่องมือที่นำมาใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้บูรณาการตามแนวคิดสะเต็มศึกษา (STEM Education) เรื่องบันจีจัมป์ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาที่ 3 เรื่องบันจีจัมป์ และแบบประเมินเจตคติที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์แบบสะเต็มศึกษา ผลการวิจัยพบว่านักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นโดยเฉลี่ย 2.95 คะแนน และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และมีเจตคติต่อการเรียนวิทยาศาสตร์ผ่านการจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษาสูงขึ้นเฉลี่ยอยู่ในระดับความพึงพอใจมาก ผลการวิจัยสรุปได้ว่านักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตามสมมติฐานที่วางไว้</p> วรปรัชญ์ ครองหิรัญ Copyright (c) 2023 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so13.tci-thaijo.org/index.php/DRUEDJ/article/view/108 Fri, 30 Jun 2023 00:00:00 +0700 https://so13.tci-thaijo.org/index.php/DRUEDJ/article/view/178 วาสนา สังข์พุ่ม Copyright (c) 2023 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/ https://so13.tci-thaijo.org/index.php/DRUEDJ/article/view/178 Fri, 30 Jun 2023 00:00:00 +0700 https://so13.tci-thaijo.org/index.php/DRUEDJ/article/view/109 <p>การประเมินผลการเรียนรู้ เป็นกระบวนการที่ช่วยให้ครูผู้สอนได้ข้อมูลสารสนเทศเพื่อการวางแผนการจัดการเรียนรู้ ปรับปรุงพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนและการจัดการเรียนรู้ของครูการใช้ผลการประเมินเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับการเรียนการสอน ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ทั้งนี้การเรียนการสอนเกี่ยวข้องกับการกระตุ้นให้ผู้เรียนอยากเรียนรู้ ดังนั้นผู้สอนต้องมีการนำเสนอการสอน อธิบาย และประเมินผลว่า ผู้เรียนบรรลุเป้าหมายที่ต้องการหรือไม่ ในการประเมินผลไม่ว่าจะเป็นการประเมินก่อนดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การประเมินระหว่างดำเนินการจัดกิจกรรมการรู้รวมทั้งการประเมินเมื่อสิ้นสุดการจัดการเรียนรู้ ครูผู้สอนต้องนำผลการประเมินไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่า ผลการประเมินการเรียนรู้จะช่วยให้ครูผู้สอนได้สารสนเทศเกี่ยวกับการเรียนรู้ของผู้เรียนว่า มีความรู้ ทักษะ หรือคุณลักษณะที่พึงประสงค์อย่างไร เพื่อจะได้ช่วยเหลือผู้เรียนได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ ครูผู้สอนยังสามารถใช้ผลการประเมินเพื่อการสื่อสาร รายงานผลการศึกษาให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องได้อีกด้วย โดยข้อมูลสารสนเทศจากผลการประเมินจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้เรียนในการพัฒนาการเรียนรู้ วิธีการเรียนรู้ และผลการเรียนรู้ให้มีความก้าวหน้าในระดับที่สูงขึ้น รวมทั้งครูผู้สอนสามารถใช้ผลการประเมินเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้ การวิจัยเพื่อวางแผนการจัดการเรียนรู้ การตัดสินผลการเรียนรู้และรายงานผลการเรียนรู้กับผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้เรียน ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญในการนำผลการประเมินไปใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่า</p> นงเยาว์ อุทุมพร Copyright (c) 2023 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so13.tci-thaijo.org/index.php/DRUEDJ/article/view/109 Fri, 30 Jun 2023 00:00:00 +0700 https://so13.tci-thaijo.org/index.php/DRUEDJ/article/view/112 <p>บทความวิชาการฉบับนี้มุ่งนำเสนอวิธีการนอนภาวนาของผู้เรียนซึ่งถือเป็นเครื่องมือชนิดหนึ่งสำหรับการจัดการเรียนรู้แนวจิตตปัญญาศึกษาเพื่อพัฒนามิติภายใน มุ่งเน้นให้ผู้เรียนรู้เท่าทันตัวเองระดับจิตใต้สำนึกโดยเฝ้าสังเกตความรู้สึกนึกคิด พฤติกรรม กรอบการมองโลกหรือการยึดมั่นถือมั่นในตัวตนนำไปสู่การปรับเปลี่ยนจิตสำนึกในรูปแบบใหม่ที่มีสติเข้าใจตัวเองอย่างถ่องแท้ รู้สึกสงบผ่อนคลาย ตระหนักรู้คุณค่าของสิ่งต่าง ๆ เกิดการสำนึกรู้ในการอยู่ร่วมกันด้วยความเมตตากรุณาและมีตัวตนที่อ่อนน้อมต่อธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ครู อาจารย์หรือกระบวนกรสามารถนำวิธีการดังกล่าวไปปรับใช้ในการจัดการเรียนรู้ในรายวิชาที่ตนเองรับผิดชอบได้เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เกิดดุลยภาพด้านการรู้คิดเจตคติและพฤติกรรมอย่างเหมาะสม</p> มนตรี หลินภู Copyright (c) 2023 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so13.tci-thaijo.org/index.php/DRUEDJ/article/view/112 Fri, 30 Jun 2023 00:00:00 +0700 https://so13.tci-thaijo.org/index.php/DRUEDJ/article/view/113 <p>คำถามเป็นเครื่องมือสำคัญที่ครูผู้สอนสามารถนำมาใช้ในการพัฒนาผู้เรียนโดยการบูรณาการกับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ลักษณะของคำถามที่มีประสิทธิภาพควรมีการกำหนดเป้าหมาย มีความชัดเจน ตรงประเด็น เป็นธรรมชาติ ส่งเสริมให้เกิดการคิดการปฏิบัติและสามารถปรับเปลี่ยนตามความสามารถของผู้เรียน ซึ่งคำถามสามารถแบ่งได้ 2 ประเภท คือ คำถามระดับพื้นฐานและคำถามระดับสูงมีความซับซ้อน จุดมุ่งหมายของการใช้คำถามเพื่อตรวจสอบความรู้ สร้างความมั่นใจ พัฒนาทักษะการคิด ประเมินความรู้ จัดการชั้นเรียน และสร้างบรรยากาศการเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วม กลยุทธ์และเทคนิคการใช้คำถามที่มีประสิทธิภาพควรส่งเสริมการคิด ความฉลาดทางปัญญา และส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงสู่การเป็นพลเมืองในยุคศตวรรษที่ 21 ของผู้เรียน ซึ่งกลยุทธ์การใช้คำถามสำหรับการจัดการเรียนการสอนที่สำคัญ ได้แก่ การใช้คำถามเชิงกลยุทธ์ การใช้คำถามตามวรจรคำถามและการใช้คำถามด้วยวิธีแบบโซเครตีสเป็นต้นและเทคนิคการใช้คำถามให้มีประสิทธิภาพเช่นการฟังอย่างตั้งใจการให้เวลาคิดการเปลี่ยนคำถามการถามเจาะลึกการเสริมแรงและการจัดการกับคำถามของผู้เรียนดังนั้นคำถามและกลยุทธ์การใช้คำถามสำหรับการจัดการเรียนรู้จึงเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนซึ่งครูผู้สอนจำเป็นต้องเรียนรู้หลักการวิธีการเพื่อนำสู่การปฏิบัติในชั้นเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ</p> จิตณรงค์ เอี่ยมสําอางค์ Copyright (c) 2023 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so13.tci-thaijo.org/index.php/DRUEDJ/article/view/113 Fri, 30 Jun 2023 00:00:00 +0700 https://so13.tci-thaijo.org/index.php/DRUEDJ/article/view/114 <p>ปัญหาสุขภาพจิตเป็นปัญหาที่หลายหน่วยงานให้ความสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กนักเรียนวัยรุ่นในสถานศึกษา ปัญหาสุขภาพจิตอาจก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรงทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และพฤติกรรมซึ่งส่งผลต่อการจำกัดความสามารถในการพัฒนาตนเองอย่างเต็มศักยภาพ โดยปัญหาสุขภาพจิตที่พบได้ในกลุ่มนักเรียน ได้แก่ ความเครียด ความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า การใช้สารเสพติด และการรังแกกันในสถานศึกษา ซึ่งปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพจิต ได้แก่ ครอบครัว กลุ่มเพื่อน สิ่งแวดล้อมในโรงเรียน และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ โดยมีแนวทางในการป้องกันช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่มีปัญหาสุขภาพจิตคือ 1) การสนับสนุนให้สถาบันการศึกษามีนักจิตวิทยาประจำโรงเรียน เพื่อทำหน้าที่ช่วยเหลือและคำปรึกษาแก่เด็กนักเรียนโดยใช้กระบวนการทางจิตวิทยาที่เหมาะสม 2) การส่งเสริมให้เด็กนักเรียนมีความรอบรู้ทางสุขภาพจิต เพื่อช่วยให้เด็กนักเรียนมีความเข้าใจและทราบแนวทางในการดูแลสุขภาพจิตตนเองในเบื้องต้นได้ 3) การมีระบบคัดกรองและส่งต่อเด็กนักเรียนที่มีปัญหาสุขภาพจิต จะช่วยให้เด็กนักเรียนได้รับการคัดกรองปัญหาสุขภาพจิตซึ่งหากพบเด็กนักเรียนที่ความเสี่ยงต่อปัญหา และ 4) การสร้างความร่วมมือระหว่างสถานศึกษาและครอบครัวของเด็กนักเรียน เพื่อช่วยในการสอดส่องดูแลเด็กนักเรียนที่มีความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพจิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น</p> ขวัญใจ ฤทธิ์คำรพ Copyright (c) 2023 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so13.tci-thaijo.org/index.php/DRUEDJ/article/view/114 Fri, 30 Jun 2023 00:00:00 +0700