https://so13.tci-thaijo.org/index.php/DRUEDJ/issue/feed วารสารครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี 2025-07-17T16:19:04+07:00 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วาสนา สังข์พุ่ม journal.edu@dru.ac.th Open Journal Systems <p>วารสารครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี รับพิจารณาตีพิมพ์บทความวิจัย และบทความวิชาการด้านการศึกษา ได้แก่ การศึกษาปฐมวัย สังคมศึกษา ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์ทั่วไป คณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ศึกษา พลศึกษา หลักสูตรและการสอน บริหารการศึกษา การวัดและประเมินผลการศึกษา นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา จิตวิทยาการศึกษาและการแนะแนว การศึกษาพิเศษ และสาขาที่เกี่ยวข้องด้านการศึกษา</p> https://so13.tci-thaijo.org/index.php/DRUEDJ/article/view/2469 บทบรรณาธิการ 2025-07-17T15:36:40+07:00 วาสนา สังข์พุ่ม wasana.s@dru.ac.th <p>วารสารครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี มีจุดประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลงานวิชาการและงานวิจัย นำไปสู่การใช้ประโยชน์ในกลุ่มนักวิชาการ นักวิจัย และประชาชนผู้สนใจ เผยแพร่ผลงานปีละ 2 ฉบับ คือ มกราคม – มิถุนายน และ กรกฎาคม – ธันวาคม</p> <p>วารสารครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี มุ่งเน้นการเผยแพร่ผลงานวิชาการและงานวิจัยเชิงบูรณาการแบบสหวิทยาการที่มีการค้นพบข้อเท็จจริงอย่างเป็นระบบตามหลักระเบียบวิธีวิจัย ทั้งนี้เพื่อให้มีการนำองค์ความรู้ที่ได้จากการค้นพบไปสู่การแก้ไขปัญหา การพัฒนาด้านการศึกษา หรือใช้เป็นข้อมูลสำหรับประกอบการพิจารณาเพื่อการตัดสินใจ กำหนดนโยบาย แนวทางการพัฒนาด้านการศึกษา ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน และนำไปสู่การแก้ไขปัญหาทางสังคมได้อย่างยั่งยืนต่อไป&nbsp;</p> <p>ขอขอบคุณ นักวิจัย นักวิชาการ นักศึกษา ผู้สนใจ ที่ได้นำองค์ความรู้จากวารสารครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรีนี้ ไปสู่การใช้ประโยชน์ การขยายผลในแวดวงวิชาการอย่างกว้างขวางให้เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น</p> <p>ขอขอบคุณ ผู้ทรงคุณวุฒิและกองบรรณาธิการทุกท่าน ที่ได้กรุณาพิจารณาผลงานให้เป็นไปตามหลักวิชาการ โดยให้ข้อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาผลงานวิชาการและงานวิจัย ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพวารสารครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี&nbsp;</p> <p>&nbsp;</p> <p>บรรณาธิการบริหาร</p> <p>&nbsp;</p> 2025-07-17T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://so13.tci-thaijo.org/index.php/DRUEDJ/article/view/2470 การพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหา เรื่อง เศษส่วน โดยใช้การจัดการเรียนรู้จากประสบการณ์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 2025-07-17T15:40:07+07:00 พาทิศ บุตรวัง wannathida.yo@ksu.ac.th วรรณธิดา ยลวิลาศ wantida.yo@ksu.ac.th <p>การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหา เรื่อง เศษส่วน โดยใช้การจัดการเรียนรู้จากประสบการณ์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนขนาดเล็กแห่งหนึ่งในจังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 8 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้จากประสบการณ์ 8 แผน จำแนกเป็นวงจรปฏิบัติการที่ 1 เรื่อง การเปรียบเทียบและเรียงลำดับเศษส่วน จำนวน 4 แผน และวงจรปฏิบัติการที่ 2 เรื่อง การบวกและการลบเศษส่วน จำนวน 4 แผน 2) แบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้ปัญหาเศษส่วน เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า ความสามารถในการแก้ปัญหาเรื่อง เศษส่วน โดยใช้การจัดการเรียนรู้จากประสบการณ์ในวงจรการปฏิบัติการที่ 1 นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 67.5 ในวงจรปฏิบัติการที่ 2 นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 91.25 จะเห็นว่าทั้ง 2 วงจรปฏิบัติการนักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 79.38 ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 อยู่ในระดับคุณภาพดี อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</p> 2025-07-17T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://so13.tci-thaijo.org/index.php/DRUEDJ/article/view/2471 การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณและการหารเลขยกกำลัง โดยใช้เกมเป็นฐาน (GBL) ร่วมกับ ชุดฝึกทักษะของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 2025-07-17T15:46:39+07:00 วลัยลักษณ์ โพธิบัติ walailak.ph@ksu.ac.th สุวรรณวัฒน์ เทียนยุทธกุล walailak.ph@ksu.ac.th <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณและการหารเลขยกกำลัง โดยใช้เกมเป็นฐาน (GBL) ร่วมกับชุดฝึกทักษะของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1&nbsp; เทียบกับเกณฑ์ร้อยละ 75 และ 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณและการหารเลขยกกำลัง โดยใช้เกมเป็นฐาน (GBL) ร่วมกับชุดฝึกทักษะของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 <br>โรงเรียนนวมินทราชูทิศ อีสาน จำนวน 33 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 6 แผน 2) ชุดฝึกทักษะ 3) แบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณและการหารเลขยกกำลัง โดยใช้เกมเป็นฐาน (GBL) ร่วมกับชุดฝึกทักษะของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เป็นไปตามเกณฑ์ 75 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 &nbsp;2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณและการหารเลขยกกำลัง โดยใช้เกมเป็นฐาน (GBL) ร่วมกับชุดฝึกทักษะของนักเรียนชั้นมัธยมปีที่ 1 มีคะแนนทดสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</p> 2025-07-17T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://so13.tci-thaijo.org/index.php/DRUEDJ/article/view/2472 การดำเนินงานด้านการสร้างภูมิคุ้มกัน และป้องกันปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาลพบุรี 2025-07-17T15:53:21+07:00 นริศ ปืนแก้ว sayakorn@gmail.com บุณยานุช เฉวียงหงส์ sayakorn@gmail.com ภัสยกร เลาสวัสดิกุล sayakorn@gmail.com <p>การค้นคว้าอิสระครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับการดำเนินงานด้านการสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาลพบุรี 2) เปรียบเทียบระดับการดำเนินงานด้านการสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาลพบุรี โดยจำแนกตามประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน และขนาดสถานศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา และครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาลพบุรี ปีการศึกษา 2567 จำนวน 291 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบสอบถามที่มีค่าความเที่ยงตรง 0.8 - 1.00 มีความเชื่อมั่น 0.967 วิเคราะห์ข้อมูล โดยหาร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และทดสอบค่าเฉลี่ยรายคู่ด้วยวิธีแอลเอสดีของฟีชเชอร์ ผลการวิจัยพบว่า 1) ระดับการดำเนินงานด้านการสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาลพบุรี ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก 2) ระดับผลการดำเนินงานด้านการสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาลพบุรี เมื่อจำแนกตามประสบการณ์ในปฏิบัติงาน และขนาดสถานศึกษา แตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ</p> 2025-07-17T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://so13.tci-thaijo.org/index.php/DRUEDJ/article/view/2473 การดำเนินงานของสถานศึกษาในการพัฒนาทักษะชีวิตผู้เรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาลพบุรี 2025-07-17T16:05:20+07:00 ณัฐพล จักรเพชร sayakorn@gmail.com ชูชาติ พยอม sayakorn@gmail.com ภัสยกร เลาสวัสดิกุล sayakorn@gmail.com <p>วัตถุประสงค์ของการค้นคว้าอิสระครั้งนี้เพื่อ 1) ศึกษาการดำเนินงานของสถานศึกษาในการพัฒนาทักษะชีวิตของผู้เรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาลพบุรี 2) เปรียบเทียบการดำเนินงานของสถานศึกษาในการพัฒนาทักษะชีวิตของผู้เรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาลพบุรี โดยจำแนกตามสถานภาพและขนาดสถานศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาและครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาลพบุรี&nbsp; จำนวน 291 คน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบสอบถาม มีความเชื่อมั่น 0.975 วิเคราะห์ข้อมูล โดยหาร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวและทดสอบคาเฉลี่ยรายคู่ด้วยวิธีแอลเอสดีของฟิชเชอร์ ผลการวิจัยพบว่า 1. ผลการดำเนินงานของสถานศึกษาในการพัฒนาทักษะชีวิตของผู้เรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาลพบุรี ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก 2. ผลการเปรียบเทียบการดำเนินงานของสถานศึกษาในการพัฒนาทักษะชีวิตของผู้เรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาลพบุรี โดยจำแนกตามสถานภาพพบว่า ในภาพรวมไม่แตกต่างกันและเมื่อจำแนกตามขนาดสถานศึกษาพบว่า แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</p> 2025-07-17T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://so13.tci-thaijo.org/index.php/DRUEDJ/article/view/2474 ผลการใช้กระดานสื่อสารประกอบการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาความมีระเบียบวินัยของนักเรียนอนุบาลชั้นปีที่ 3 โรงเรียนคลองบางกะสี 2025-07-17T16:11:59+07:00 วิรัตน์สุดา บุญจันทร์ duangjai.r@dru.ac.th ดวงใจ รุ่งเรือง duangjai.r@dru.ac.th <p>การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเปรียบเทียบความมีระเบียบวินัยของนักเรียนอนุบาลชั้นปีที่ 3 โรงเรียนคลองบางกะสีก่อนและหลังได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยใช้กระดานสื่อสาร ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชาย – หญิง อายุระหว่าง 5 – 6 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ที่ชั้นอนุบาลปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนคลองบางกะสี ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปรากการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการเขต 2 จำนวน 1 ห้องเรียน มีประชากรทั้งหมด 27 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แผนการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ประกอบกระดานสื่อสารของนักเรียนอนุบาลชั้นปีที่ 3 และแบบสังเกตความมีระเบียบวินัยของนักเรียนอนุบาลชั้นปีที่ 3 ผลการวิจัยพบว่า ก่อนการทดลองเด็กปฐมวัยมีค่าเฉลี่ยคะแนนความมีระเบียบวินัยที่ 14.40 และหลังการทดลองเด็กปฐมวัยมีค่าเฉลี่ยคะแนนที่ 32.96 ค่าเฉลี่ยก่อนและหลังการทดลองแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 สอดคล้องกับสมมติฐานหลังการทดลอง เด็กปฐมวัยมีคะแนนเฉลี่ยความสามารถในการพัฒนาความมีระเบียบวินัยที่สูงขึ้น</p> 2025-07-17T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025